วันนี้วันพระ! นายอำเภอบุกจับพระดื่มเหล้าในบ้านร้างกลางทุ่งนา จำนนต่อหลักฐาน รับผิดยอมสึกแต่โดยดี

วันนี้วันพระ! นายอำเภอบุกจับพระดื่มเหล้าในบ้านร้างกลางทุ่งนา จำนนต่อหลักฐาน รับผิดยอมสึกแต่โดยดี

View icon 355
วันที่ 14 มี.ค. 2566 | 15.05 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (14 มี.ค. 66) นายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอำเภอสรรพยา จ.ชัยนาท  นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สรรพยา เข้าตรวจสอบบ้านร้างกลางทุ่งนา บริเวณหมู่ที่ 7 ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งเข้าไปปักกรดอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว แล้วมีพฤติกรรมชอบดื่มสุรา และขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกไปเรี่ยไรเงินชาวบ้านที่ตลาดเป็นประจำ

เมื่อเข้าไปจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ชายนุ่งห่มผ้าเหลือง 1 คน อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวจริง มีลักษณะเหมือนคนยังไม่สร่างเมา และมีข้าวของเครื่องใช้ในการหุงหาอาหาร และพบกล่องขวดสุรายี่ห้อหนึ่งอยู่ในถุงขยะ เมื่อตรวจสอบข้าวของต่างๆอย่างละเอียด ก็พบขวดพลาสติกน้ำดื่ม 2 ขวด ที่ใส่สุราไว้ เพื่อตบตาคน  

จากการสอบถามชายดังกล่าว บอกว่าตนเองเป็นพระสงฆ์จริง บวชมาแล้วกว่า 10 พรรษา เดินทางมาจาก จ.เพชรบูรณ์ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบหนังสือสุทธิพระสงฆ์ ชายดังกล่าวกลับยื่นบัตรประชาชนให้เพียงใบเดียว ที่ระบุชื่อ พระวิเชียร หงส์ทอง อายุ 59 ปี อยู่ที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ แถมบอกนี่แหละคือหนังสือสุทธิแสดงว่าตนเป็นพระสงฆ์จริง และยังบอกว่าตนมาอาศัยอยู่ในที่ดินร้างของปู่ย่าตายาย ไม่ผิดธรรมวินัย เพราะมีระบุอยู่ในพระไตรปิฎกที่ให้สามารถกระทำได้ แต่ยอมรับผิดที่ตนได้ดื่มสุราจริง ได้กระทำผิดจริง ถ้าไม่ได้ดื่มสุราแล้วการที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเช่นนี้ จะไม่ยอมรับผิด จะให้เจ้าหน้าที่เข้ามากราบเท้าและคลานออกไปจากพื้นที่นี้ทันที แต่นี่ผิดเพราะมีการดื่มสุราจริง จึงยอมสึกเพื่อความสบายใจของทุกคน

ด้าน นายณัฐวุฒิ บอกว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ออกไปเรี่ยไรเงินที่ตลาดเทศบาลเมืองชัยนาท บอกว่าจะนำไปซื้อไฟฟ้าแสงสว่างไปติดที่บ้าน และมีการไปปักกรดอาศัยอยู่บริเวณบ้านร้างกลางทุ่งนา ซ้ำยังมีพฤติกรรมดื่มสุรา จึงเข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่สามารถระบุว่าได้เป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ เพราะไม่มีหนังสือสุทธิพระสงฆ์มาแสดง มีเพียงบัตรประชาชนมาแสดงเท่านั้น  จึงพยายามติดต่อหาญาติ เพื่อสอบถามข้อมูลให้แน่ชัดก่อนที่จะนำตัวไปสึก เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อสังคมต่อไป

ต่อมานายอำเภอสรรพยา ได้นำตัว พระวิเชียร ไปพบกับ พระอาจารย์ฉลวย อุตโม รองเจ้าอาวาสวัดหนองพังนาค เพื่อทำการสึก โดยความยินยอมของพระวิเชียรเอง และเมื่อสึกแล้ว นายอำเภอก็มอบเงินให้กับนายวิเชียร จำนวน 1,200 บาท เพื่อให้นายวิเชียรนำไปจ่ายค่ารถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่นำไปซ่อมไว้ สำหรับนำออกมาใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองต่อไป