ไทย-ลาว เร่งเปิดด่านเพิ่ม 12 แห่ง ตั้งเป้าการค้าปี 68 แตะ 11,000 ล้านดอลล์

ไทย-ลาว เร่งเปิดด่านเพิ่ม 12 แห่ง ตั้งเป้าการค้าปี 68 แตะ 11,000 ล้านดอลล์

View icon 230
วันที่ 16 มี.ค. 2566 | 18.13 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (16 มี.ค. 66) นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ หารือร่วมกับ นายมะไลทอง กมมะสิด รมว.อุตสาหกรรมและการค้า สปป.ลาว และคณะผู้บริหารภาครัฐและภาคเอกชน ถึงแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทย และความร่วมมือเพื่อผลักดันการค้าสองฝ่ายให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 360,000 ล้านบาท) ในปี 68
         
พร้อมกันนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติการดำเนินงานด้านการค้า ในภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ การบริหารจัดการราคาสินค้า การบริหารการนำเข้า-ส่งออก การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการส่งเสริมการส่งออก 
          
นายกีรติ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ ไทยได้ขอให้ สปป.ลาว เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาเปิดด่านพรมแดนที่ติดกับไทยเพิ่มอีก 12 แห่ง และช่วยอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าไทยผ่านแดน สปป.ลาว ไปยังจีน เพื่อให้คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่ง ลาวจะนำเรื่องดังกล่าว ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกต่อไป
         
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือและแก้ไขอุปสรรคทางการค้า และฟื้นฟูการค้าชายแดนที่ชะลอตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
         
"ในช่วงที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทยและลาว ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองฝ่ายทำการค้าระหว่างกันได้ตามปกติเหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้มูลค่าการค้าขยายตัวมากขึ้น และสามารถบรรลุเป้าหมายการค้าที่ตั้งไว้ร่วมกันที่ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 68 ได้อย่างแน่นอน" นายกีรติ กล่าว
         
ปัจจุบัน ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของสปป.ลาว และเป็นอันดับที่ 8 ของไทยในกลุ่มอาเซียน ซึ่งในปี 65 การค้าระหว่างไทยและสปป.ลาว มีมูลค่า 7,879 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+8.52%) โดยไทยส่งออกไป สปป.ลาว มูลค่า 4,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+13.47%) และไทยนำเข้าจาก สปป.ลาว มูลค่า 3,339.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+2.43%)
         
สำหรับการค้าชายแดน คิดเป็นสัดส่วน 95% ของการค้ารวมระหว่างสองประเทศ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำตาลทราย เคมีภัณฑ์ และรถยนต์ และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เชื้อเพลิง ทองคำ ผักผลไม้ ปุ๋ย และเคมีภัณฑ์