พบสารเสพติดในร่างกาย สารวัตรกานต์ ตำรวจยืนยันปฏิบัติตามยุทธวิธี

View icon 24
วันที่ 17 มี.ค. 2566 | 07.10 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เหตุการณ์ตำรวจคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงในหมู่บ้าน ย่านสายไหม จนสุดท้ายผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิต ล่าสุดผลชันสูตรออกมาพบสารเสพติดในร่างกาย

ปิดฉากเหตุระทึกกลางกรุง หลัง พันตำรวจโท กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงในหมู่บ้าน ย่านสายไหม ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาปิดล้อมนานกว่า 27 ชั่วโมง สุดท้ายผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิต 

หลังเกิดเหตุ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันปฏิบัติการดังกล่าวได้ทำตามยุทธวิธี มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกับแพทย์จิตเวช วางแผนเข้าระงับเหตุ แต่ด้วยสภาวะเครียดของสารวัตรกานต์ จึงต้องตัดสินใจใช้กำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ ส่วนเหตุที่มีอาการคลุ้มคลั่ง คาดว่าเกี่ยวข้องกับอาการป่วยทางจิตเวช ที่เจ้าตัวเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และปกปิดอาการป่วย และประวัติการรักษาไว้ กระทั่งผู้บังคับบัญชาพบขาดงานหลายวัน เมื่อโทรศัพท์ไปพูดคุยก็มีน้ำเสียงไม่ปกติ จึงให้เจ้าหน้าที่ไปรับตัวเพื่อพาไปรักษา แต่ไม่ทันเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น พร้อมยืนยันว่าจะมีการเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์นี้ทุกราย และให้ความช่วยเหลือกับญาติผู้เสียชีวิตตามสิทธิที่จะได้รับอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันเพื่อคลายข้อสงสัยและให้หลักฐานคดีนี้ตรงไปตรงมา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ให้หน่วยอรินทราชจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง ขณะเข้าชาร์จในบ้าน ว่าใช้อาวุธปืนยิงไปทางทิศไหนจำนวนกี่นัด และใช้ปืนชนิดได และผู้ก่อเหตุยิงมาจากมุมไหน ใช้กระสุนกี่นัดเช่นกัน เพื่อประกอบในสำนวนคดี

ส่วนที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวานนี้ พี่ชายของสารวัตรกานต์ ได้ติดต่อขอรับศพน้องชาย เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดสุทธิสะอาด ย่านคลองสามวา ก่อนทำพิธีฌาปนกิจ และนำกระดูกกลับภูมิลำเนา โดยได้ขอความเป็นส่วนตัว ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามไปทำข่าว ส่วนที่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตได้รับการชี้แจงผลการชันสูตรแล้ว

ขณะที่ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ไปร่วมรับฟังผลการชันสูตรศพ เผยว่า จากการชันสูตรพบสารเสพติดกลุ่มกัญชาในร่างกาย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากเสียเลือดมาก มีร่องรอยถูกยิง 6 จุด โดยจุดสำคัญเป็นจุดที่ถูกยิงช่วงหน้าอก พบว่ากระสุนทะลุปอด เลือดตกในช่องท้อง

ขณะที่ ศาสตราจารย์นายแพทย์มานิต ศรีสุรภานนท์ ประธานราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกมาอธิบายว่า สาร THC  ในกัญชา ออกฤทธิ์ทำให้เกิดอาการทางจิต ได้แก่ หูแว่ว หวาดระแวง และเสี่ยงเป็นโรคทางจิตเวชเรื้อรังได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ดังนั้น การนำกัญชามาใช้ในทางนันทนาการ จึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิต เนื่องจากสาร THC ในกัญชา ไม่ผ่านการควบคุม จึงต่างจากการนำมาใช้ในทางการแพทย์ รักษาโรคปัจจุบัน เช่น ลมชัก, ช่วยเพิ่มน้ำหนักในผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือ ใช้บรรเทาอาการผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่ผ่านกระบวนการสกัดสาร THC มาแล้ว ปัจจุบันยังไม่มีประเทศใดนำกัญชามาใช้รักษาผู้ป่วยจิตเวช เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือว่า กัญชารักษาอาการทางจิตเวช

ข่าวที่เกี่ยวข้อง