คอนโดมิเนียมน้ำรั่ว น.ส.กัญศจี พนักงานบริษัทเอกชน อายุ 42 ปี เผยว่า หลังตัดสินใจทำสัญญาซื้อห้องพักของคอนโดฯ ดังกล่าวได้ในราคา 2.78 ล้านบาทในปี 2563 เมื่อเข้าพักอาศัยก็พบปัญหาผนังกำแพงด้านนอกแตกร้าว เมื่อฝนตกน้ำและความชื้นซึมผ่านเข้ามา จนวอลเปเปอร์มีเชื้อราดำขึ้นเต็ม ได้แจ้งให้ทางบริษัทเจ้าของโครงการรับทราบเพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซม ซึ่งทางโครงการก็ส่งช่างซ่อมรอยร้าวของผนังและเปลี่ยนวอลเปเปอร์ให้ใหม่ แม้จะมีการซ่อมหลายครั้งแต่อาจแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ในปี 64-65 ก็ยังมีปัญหาน้ำซึม ผนังห้องยังคงมีราดำขึ้น จนส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย
น.ส.กัญศจี จึงตัดสินใจเข้าร้องเรียนกับสภาองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค (TCC) จนกระทั่ง 7 เดือนต่อมา จึงสามารถนัดไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทได้ แต่บริษัทอ้างว่าสัญญาซื้อห้องชุดทำไว้ตั้งแต่ปี 63 หมดสัญญารับประกันไปแล้ว ให้เจ้าของห้องหาช่างมาซ่อมเอง ที่ผ่านมาแค่ต้องการให้โครงการเข้ามากำจัดราดำ ซ่อมแซมผนังไม่ให้น้ำรั่วซึมเข้ามา แต่บริษัทอ้างกลับมาว่าหมดระยะเวลารับประกันไปแล้ว ถ้าไม่มีใครช่วยได้ก็คิดว่าจะจบชีวิตอยู่ภายในห้องพักแห่งนี้ เพื่อเรียกร้องกับบริษัทที่ปัดความรับผิดชอบ
“ตลอดระยะเวลาที่เกิดปัญหาตั้งแต่ปี 63 บริษัทพยายามยื้อเวลา เพื่อให้เวลารับประกันหมดไปยอมรับว่าเครียดมากเพราะพยายามต่อสู้เรียกร้องกับทางบริษัทมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ถ้าต้องจ้างทนายความเอง ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก”
นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ หัวหน้าศูนย์สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า จะเร่งช่วยเหลือผู้ร้องเรียน ในด้านของการจัดหาทนายความ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 60 วัน ในการอนุมัติทนายความ