โดยนายสมชัยได้หอบเอกสารหลักฐาน รวบรวมการลงพื้นที่ตรวจราชการ นับตั้งแต่แต่งตั้งนายพีระพันธุ์ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบัน พบตรวจราชการ 16 ครั้ง 18 จังหวัด ปรากฏภาพว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่เดินประกบพบประชาชน ขณะที่การตรวจราชการซึ่งใช้ทรัพยากรรัฐ ทั้งรถยนต์ เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ ที่มีค่าใช้จ่ายหลักแสนในการเดินทางแต่ละครั้ง ไปปฏิบัติภารกิจที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น การเปิดแพขนานยนต์ ตรวจโบราณสถาน และตรวจการก่อสร้างอาคารจอดรถ เป็นต้น รวบรวมยื่นให้กับ กกต. เพื่อตรวจสอบว่าเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.สส.มาตรา 132 ที่ระบุระยะเวลาข้อห้ามการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งนายสมชัย ตีความว่า นับรวมถึง 180 วัน ก่อนครบวาระของสภาผู้แทนราษฎรด้วย ดังนั้นแม้จะมีการยุบสภาฯ ก็ไม่สามารถลบล้างการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้

“หากในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ และ นายพีระพันธุ์ เป็นผู้สมัคร สส.ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ อีกทั้งนายพีระพันธุ์ ยังเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย หากพิสูจน์ได้ว่ามีส่วนรู้เห็น สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญเอาผิดยุบพรรค และ กกต. ให้ใบส้มผู้สมัคร สส. พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองได้อีกด้วย” นายสมชัย ระบุ