ภาพเก่าเล่าเรื่อง : 8 มีนาคม 2535 นาวาประทีป 111 ล่องเรือสายบุญสู่โศกนาฏกรรม เกาะสีชัง จ.ชลบุรี
.
ภาพข่าวเมื่อวันที่ 8-9 มีนาคม 2535
.
ผ่านมาแล้ว 31 ปี กับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ให้การล่องเรือทุกวันนี้ ต้องมีเสื้อชู้ชีพให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารบนเรือ
.
ย้อนกลับไปช่วงก่อนเกิดเหตุที่ #เกาะสีชัง #ชลบุรี มีประเพณีนมัสการ #เจ้าพ่อเขาใหญ่ ซึ่งจะจัดขึ้นหลังจากผ่านพ้นวันตรุษจีนมาแล้วประมาณ 45 วัน นักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทัวร์ จำนวน 134 ชีวิต ขึ้นเรือเที่ยวแรกช่วงเช้ามืดวันที่ 8 มี.ค.2566 หลังกลับจากประเพณีสักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เป็นที่เรียบร้อย และอยู่ระหว่างเดินทางกลับมายังท่าเทียบเรือ #เกาะลอย อ.ศรีราชา
.
เมื่อผู้โดยสารครบถ้วน เรือนาวาประทีป 111 เที่ยวแรกจึงออกจากชายฝั่ง เพื่อนำส่งนักท่องเที่ยว 134 ชีวิต ไปยังเกาะลอย อีกเพียง 7 กิโลเมตรก็จะถึงจุดหมาย จังหวะนั้นเองเรือบรรทุก บี.พี.พี.9 พุ่งเข้าชนเรือนาวาประทีปอย่างจัง ความรุนแรงทำให้เรือฉีกขาดออกเป็นสองท่อน ผู้โดยสารซึ่งอยู่ในสภาพสะลึมสะลือ ไม่ทันได้ตั้งตัวต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซากเรือจมลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว แม้เรือใกล้เคียงพยายามเข้าช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันการณ์
.
ผู้โดยสารนับร้อยคน รอดชีวิตมาเพียง 15 คนเท่านั้น บางคนเสียชีวิตตั้งแต่เกิดการปะทะ บางคนจมน้ำ แต่สภาพใต้เรือที่ปิดมิดชิด ทำให้ผู้โดยสารหาทางออกมาไม่ทัน นั่นจึงเป็นที่พบผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
.
ข่าวลือเรื่องสาเหตุเกิดขึ้นมากมาย บ้างก็ว่า เกิดจากสื่อสารที่ผิดพลาดของเรือทั้ง 2 ลำ บ้างก็ว่า คนขับเรือเกิดอาการหลับใน บางคนก็ว่า คนขับเรือตัวจริงไม่มาทำงาน แต่เป็นช่างซ่อมเครื่องมาขับแทน แต่ไม่ว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างจะเป็นอย่างไร กรมเจ้าท่าและชลบุรี ได้สั่งให้เรือทุกลำต้องมีจำนวนเสื้อชูชีพให้เพียงต่อจำนวนผู้โดยสารในแต่ละเที่ยว โศกนาฏกรรมครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนให้คนรุ่นหลังตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้เรือโดยสารมากยิ่งขึ้น