ล่าสุดวันนี้ (19 มี.ค. 66) ทางญาติพี่น้องของสารวัตรกานต์ นำโดยนายลิขิต แสงบุญ อายุ 58 ปี พี่ชายคนโต พร้อมด้วยพ่อ แม่ และญาติพี่น้องอีก 20 กว่าคน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก โดยนายลิขิตฯ ได้เปิดเผยว่าตัวของสารวัตรกานต์ เป็นน้องคนสุดท้อง จากพี่น้อง 5 คน เป็นคนมีจิตใจเมตตา อ่อนน้อมถ่อมตน และซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่รักของเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงานไม่เคยรังแกข่มขู่ข่มเหงทำร้ายจิตใจใครโดยทางครอบครัวจะขอเรียกร้อง 5 ข้อหลักๆ ก็คือ
1. ให้ทำการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่บุกเข้าไปในบ้าน ชุดซุ่มยิง ชุดที่ปิดล้อมรอบๆ บริเวณบ้านว่าแต่ละคนได้มอบหมายอะไรบ้าง แต่ละคนใช้อาวุธปืนชนิดใด หมายเลขใด กระสุนไปกี่นัดเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปในตัวอาคารบ้านทั้งหมดมีใครบ้าง ใช้ปืนกระบอกใด เบิกกระสุนมากี่นัดยิงไปกี่นัด เหลือกระสุนกี่นัด เจ้าหน้าที่อยู่ชั้นบนบ้านเป็นใคร เจ้าหน้าที่ที่อยู่ชั้นล่างเป็นใคร ยิงไปกี่นัด
2.อยากให้พนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบสวนในครั้งนี้
3.ให้สอบสวน ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ผบ.เหตุการณ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดบริหารการจับกุม ที่ตัดสินใจสั่งการบุกเข้าจับกุมครั้งนี้
4.ทั้งนี้เพื่อการสอบสวนที่ถูกต้องเป็นธรรมและเกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายขอให้ทำการสอบสวนแล้วเสร็จภายใน 3 วันภายในวันที่ 22 มีนาคม 2566
5.ขอให้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ชุดที่เข้าไปตรวจพิสูจน์อาคารเกิดเหตุเบื้องต้นว่าได้ตรวจยึดสิ่งใดบ้างอย่างไร
ส่วนสิ่งที่ครอบครัวยังคาใจและติดใจสงสัยก็คือทำไมผู้บังคับบัญชาไม่ใช้วิธีโดยละมุนละม่อม ด้วยการพาไปรักษา แต่กลับพากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธหนักจำนวนหลายรายเข้าไปปิดล้อมกดดัน ซึ่งวิธีนี้ทำให้เกิดความเครียดสะสม คิดดูว่าคนปิดล้อมเป็นร้อยเพื่อจะจับคนคนเดียวเป็นสิ่งที่ไม่น่ากระทำในยุคนี้ เพียงแค่รอเวลาให้เขาสงบสติอารมณ์ก็น่าจะคลายเครียดมาได้แล้ว
ส่วนความเครียดที่เกิดขึ้น ญาติคิดว่าเป็นปัญหาความเครียดเนื่องจากการทำงาน ที่ผ่านมาน้องชายทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยก่อนหน้านี้น้องชายทำงานด้านปราบปรามยาเสพติดและถูกโยกย้ายมายังกองบัญชาการการศึกษาวิทยาลัยตำรวจ ถึงแม้ช่วงแรกเป็นช่วงปรับตัวเนื่องจากถูกโยกย้ายโดยไม่สมัครใจ แต่ต่อมาเจ้าตัวก็รู้สึกพอใจและทำงานด้วยดีมาโดยตลอด และอยากทำงานอยู่ที่เดิม
จนกระทั่งคำสั่งล่าสุดถูกสั่งย้ายโดยไม่ทันรู้มาก่อน ซึ่งแรกๆ เจ้าตัวก็รู้สึกพอใจแต่ทราบลักษณะงานไม่เหมือนเก่าภายในองค์กรมีปัญหาหลายอย่างมีผลกระทบต่อจิตใจเพิ่มมากขึ้น จนเกิดความเครียดขึ้นมาได้ ไม่อยากไปทำงาน เป็นงานที่ไม่ถนัด จนเกิดความเครียด และการถูกย้ายในครั้งนี้เป็นการย้ายโดยไม่ได้สมัครใจ จึงขอให้ตรวจสอบให้ดีว่าตำแหน่งคนที่มาแทนที่เป็นคนของใครมีความสัมพันธ์กันอย่างไรซึ่งตัวน้องชายทราบดีซึ่งจุดนี้คนนั้นก็ทราบดีและเกรงว่าเรื่องนี้จะถูกเพิกเฉย