พบโครงกระดูกมนุษย์ และข้าวของเครื่องใช้อีกหลายชนิด บริเวณที่นา 12 ไร่ 2 งาน ใน อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น

พบโครงกระดูกมนุษย์ และข้าวของเครื่องใช้อีกหลายชนิด บริเวณที่นา 12 ไร่ 2 งาน ใน อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น

View icon 3.7K
วันที่ 20 มี.ค. 2566 | 07.11 น.
ข่าวช่อง7HD
แชร์
พบโครงกระดูกมนุษย์ และข้าวของเครื่องใช้อีกหลายชนิด บริเวณที่นา 12 ไร่ 2 งาน ใน อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ร่างทรง เผย เป็นแม่ย่าผมหอม กับ พ่อปู่คำแสน เบื้องต้น รอทางเจ้าหน้าที่กรมศิลป์มาตรวจสอบ

19 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่นาของ นางสาว ณัฐฐกาณฑ์ อายุ 52 ปี ตั้งอยู่ทิศใต้ของหมู่บ้าน ในอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น โดยนางสาว ณัฐฐกาณฑ์ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่พบโครงกระดูกและข้าวของเครื่องใช้อีกหลายชนิด โดยก่อนที่เจ้าของที่จะพาดูนั้นได้พาจุดธูป 9 ดอก เพื่อขอขมา และได้พาผู้สื่อขาวเดินดูบริเวณที่ขุดพบกับบริเวณที่คาดว่าจะมีโครงกระดูก พบว่ามีอีกสองจุดที่คิดว่าจะมีโครงกระดูก และยังพบเศษเครื่องปั้นดินเผาที่คาดว่าจะเป็นหม้อดิน ไหดิน  อยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วยอีกจำนวนมาก ซึ่งนางสาวณัฐฐกาณฑ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จากคำพูดของร่างทรงบอกว่า จุดนี้เป็นเหมือนบ้านคน มีทั้งห้องครัวซึ่งมีข้าวของเครื่องใช้หลายชนิดในลักษณะที่แตกเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ แต่ก็ต้องรอการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่กรมศิปล์ก่อนจึงจะยืนยันได้ชัดเจน

นางสาว ณัฐฐกาณฑ์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า บริเวณนี้เรียกว่าโนนสาวเอ้ ซึ่งเรียกกันมาตั้งแต่โบราณ โดยเป็นโนนบ้านเก่า ตนเองซื้อที่นาผืนนี้มาตั้งแต่เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่ผ่านมา จำนวน 12 ไร่ 2 งาน ที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตการณ์อะไรแต่มีความรู้สึกว่าเป็นที่ที่แรง ลักษณะเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีความสึกแปลกๆอีกครั้ง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนตัวจึงไปหาร่างทรงพระแม่อุมา และท้าวเวสสุวรรณที่ตนเองให้ความศรัทธา และถ่ายโฉนดที่ดินที่นาผืนที่ซื้อนี้ให้กับร่างทรงดู โดยร่างทรงได้ทำการเข้าทรงและบอกตนเองว่า มีโครงกระดูกมนุษย์อยู่ในดินบนที่นาตัวเอง เป็นแม่ย่าผมหอม กับพ่อปู่คำแสน ตอนนี้อยากจะขึ้นมาเพราะท่านรอคอยลูกมานานแล้ว เห็นลูกหลานแล้วอยากให้ลูกมาเอาขึ้น อีกทั้งตนเองก็ตั้งใจจะเคลียร์พื้นที่เพาะปลูกด้วย จึงได้นิมนต์พระสงฆ์ที่วัดในหมู่บ้าน มาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับแม่ย่าผมหอม และพ่อปู่คำแสน ตามความเชื่อและตามคำของร่างทรง ถวายสังฆทาน ทำบุญอุทศส่วนกุศลให้แม่ย่าผมหอม พ่อปู้คำแสน ก่อนจะจ้างแบ็กโฮมาขุดวันแรก โดยเหตุการณ์ผ่านไปไม่มีอะไร

ต่อมาวันที่ 2 ของการขุดเตรียมดิน(10 มี.ค.2566)เวลาประมาณ 10.00 น. ห่างจากจุดที่พบโครงกระดูกนี้ไปประมาณ 2 วา ขณะที่รถแบ็กโฮทำงานมีนกกาบินมาจับที่มือแบ็กโฮอยู่สักพัก ก่อนจะบินวนไปวนมาระหว่างต้นไม้ 3 ต้นที่อยู่กลางทุ่งนา พร้อมกับลงมาจิกมือแบ็กโฮ และส่งเสียงร้องแข่งกับเสียงรถแบ็กโฮขณะทำงาน ตนเองเห็นผิดสังเกตุจึงโทรศัพท์ไปหาร่างทรง โดยร่างทรงบอกว่า ให้แบ็กโฮทำงานเบาๆ ใกล้จะขุดเจอโครงกระดูกแล้ว เพราะบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเจอโครงกระดูกบริเวณนี้ ตนเองจึงเดินไปบอกให้คนขับแบ็กโฮเบาๆ โดยที่ไม่ได้บอกอะไรอีก พอแบ็กโฮเคลื่อนที่ออกจากจุดนี้ นกกาที่บินอยู่บนท้องฟ้าหายไปหมด ซึ่งสิ่งนี้เป็นคำพูดของร่างทรงที่ตนเองไปพบ บอกว่าแม่ย่าผมหอม และพ่อปู่คำแสน ไปสื่อกับร่างทรงว่าถึงเวลาแล้วอยากขึ้นมา ให้พาคนมาหาร่างพาขึ้นมาให้หน่อย โดยมีชาวบ้านหลายคนมาหาช่วยกัน โดยชาวบ้านหาอยู่นานเชื่อว่าน่าจะอยู่ใกล้กับคันนาที่อยุ่ห่างไปจากจุดที่พบ กระทั่งร่างทรงท้าวเวสสุวรรณมาและเดินมุ่งตรงไปยังจุดที่มีโครงกระดูกอยู่เหมือนรู้ตำแหน่ง ก่อนจะช่วยกันใช้ช้อนและมือขุดจนพบโครงกระดูกลักษณะกระดูกขาวสวยงาม แต่หลังจากชาวบ้านทราบก็มาจับเยอะ อีกทั้งโดนอากาศ จากกระดูกขาวก็เริ่มหม่นตามระยะเวลา และนอกจากจุดที่ร่างทรงบอกว่ามีโครงกระดูกของพ่อปู่แม่ย่าแล้ว ยังได้ขุดบริเวณใกล้ๆบนที่นาผืนเดียวกันยังพบข้าวของเครื่องใช้ต่างๆอยู่ใต้ดินจำนวนมาก โดยร่างทรงเป็นคนพาชี้ตำแหน่งและบอกว่า ทั้ง 2 ร่างนั้นทับกันอยู่ เป็นร่างของแม่ย่าผมหอม และพ่อปู่คำแสน และยังชีให้ดูอีกว่าถัดไปติดกันมีอีกร่าง โดยได้ทำการล้อมมาร์กจุดเอาไว้ทั้งหมดเพื่อรอทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมศิลป์มาทำการตรวจสอบยืนยันตามขั้นตอน

เจ้าของที่นา บอกอีกว่า หลังจากที่พบโครงกระดูกก็มีคนไม่หวังดี นิมนต์พระสงฆ์บุกรุกเข้ามาทำพิธีหาเลขไปเสี่ยงดวง และถูกหวยกันไปได้เงินกันเป็นหลักล้านบาท ในจุดนี้เองในฐานะที่เป็นเจ้าของที่รู้สึกน้อยใจ และโกรธบุกคลเหล่านั้นที่มาทำพิธีต่างๆโดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าของที่นาซึ่งเป็นการบุกรุกที่คนอื่นในยามวิกาลด้วย แล้วยังมาทำพิธีหาเลขไปเสี่ยงดวงจนถูกรางวัลแต่คนที่นี่ชาวบ้านที่นี่และเป็นเจ้าของที่กลับไม่ได้รับโชคนั้นไป จึงได้นำป้ายมาติดเอาไว้ไม่ให้ใครมาถ่ายภาพหรือเข้ามาบุกรุกทำพิธีอะไรอีกจนกว่าทางกรมศิลป์จะทำการตรวจสอบก่อน และตนเองก็ไม่ได้หวงหรือกีดกันไม่ให้เข้ามา แต่เพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ได้ตรวจสอบยืนยันก่อนว่าเป็นโครงกระดูกโบราณจริงหรือไม่ และที่ขุดพบนั้นคืออะไรบ้าง โดยขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่จากทางกรมศิลป์เข้ามาตรวจสอบ แต่มีทางตำรวจและหน่วยงานอื่นๆเข้ามาตรวจสอบแล้ว โดยทางตำรวจบอกว่าไม่น่าจะใช่ศพที่ตายในเร็วๆนี้และไม่มีเกี่ยวกับการแจ้งคนหายในห้วงระยะเวลานี้แต่อย่างใด และลักษณะเหมือนกับเสียชีวิตมานานแล้ว.