เลือกตั้ง 2566 : พรรคการเมืองหาเสียงเต็มสูบ ไม่สนยุบสภาฯ วันไหน

View icon 43
วันที่ 20 มี.ค. 2566 | 07.14 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - ขอบสนามเลือกตั้ง วันนี้ ชวนคุณผู้ชมไปส่องความนิยมพรรคการเมืองกันหน่อย เพราะใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกขณะแล้ว และจะเจาะลึกให้เห็นถึงความดุเดือดในการช่วงชิงคะแนนเสียง ศึกเมืองชลคนนักเลง ระหว่าง บ้านใหญ่กับบ้านใหม่ ที่ เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น จากรวมไทยสร้างชาติ ท้าชนให้แม่ทัพบ้านใหญ่ นายสนธยา คุณปลื้ม ลงแข่งเขต 1 วัดบารมีกันให้รู้แล้ว รู้รอดไปเลย

พรรคการเมือง หาเสียงเต็มสูบ ไม่สน ยุบสภา วันไหน
ก่อนจะไปเจาะศึกเลือกตั้งในชลบุรี มาดูไทม์ไลน์การเมืองกันหน่อย สัปดาห์นี้จะเห็นชัดเจนแล้วว่า การยุบสภาจะเกิดขึ้นวันไหน ซึ่งเดิมคาดการณ์กันว่า อาจจะเป็นวันนี้ แต่มีคำสัมภาษณ์ของ อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า จะมีการประชุม ครม. เรื่องสำคัญในวันที่ 21 มีนาคม ทำให้ตีความกันว่า น่าจะยุบสภาวันที่ 21 มีนาคม หลังการประชุม ครม. หรือ 22 มีนาคม ก่อนที่สภาฯ จะครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม แต่ตอนนี้ดูเหมือนพรรคการเมืองต่าง ๆ จะไม่สนใจแล้วว่า นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจยุบสภาวันไหน เพราะแต่ละพรรคก็เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เดินหน้าหาเสียงกันเต็มสูบ ควบคู่ไปกับการจัดทำไพรมารีโหวต เปิดตัวผู้สมัคร สส. โดยมีการคาดการณ์ว่า หากยุบสภาในระหว่างวันที่ 20 - 22 มีนาคม การรับสมัคร สส. น่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน คือ รับสมัคร สส.เขต วันที่ 3 - 7 เมษายน และ สส.บัญชีรายชื่อ วันที่ 4 - 7 เมษายน เพราะตามกฎหมายการจะสมัคร สส.บัญชีรายชื่อได้ จะต้องมีการสมัคร สส.เขต ก่อน ซึ่งหลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาแล้ว กกต. ก็จะมีการกางไทม์ไลน์ทั้งวันรับสมัคร สส. และวันเลือกตั้ง ที่ชัดเจนออกมาอีกครั้งหนึ่ง

โดยในวันนี้ อาจารย์วิษณุ มีนัดหารือกับ กกต. เพื่อสอบถามให้ชัดว่า ข้าราชการช่วยผู้สมัคร สส. หาเสียงได้หรือไม่

อุ๊งอิ๊งค์ ยังแรง นำโด่ง นิด้าโพล บิ๊กตู่ อยู่อันดับ 3
ขณะที่ นิด้าโพล เผยผลสำรวจ "ศึกเลือกตั้ง 2566 ครั้งที่ 1 ประชาชนสนับสนุน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี รองลงมาเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามด้วย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำหรับ สส. พบว่า พรรคเพื่อไทย มาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคพรรคก้าวไกล และ พรรคประชาธิปัตย์

ชลบุรี เดือด ศึกศักดิ์ศรีบ้านใหม่ วัดบารมีบ้านใหญ่
เรียกว่า พรรคเพื่อไทย มาแรงสุด ส่วนจะแลนด์สไลด์ได้ 310 เสียง ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่นั้น ยังต้องรอดู คราวนี้มาติดตามความเข้มข้นใน สนามเลือกตั้งชลบุรี กันบ้าง โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ยกทัพหลวงไปบุกชลบุรี จัดปราศรัยใหญ่ ไฮไลต์อยู่ที่เนื้อหาปราศรัย ดุเดือด กล่าวหามีบางคนโกหก รู้ที่ไปแต่ว่าลืมที่มา แม้ไม่มีการระบุชื่อ แต่ใคร ๆ ฟังก็ดูออกว่า หมายถึง เสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แม่ทัพคนสำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ

พาดพิงมาแบบนี้ เสี่ยเฮ้ง ว่าอย่างไร ก็ต้องถามไปที่เจ้าตัวกันหน่อย ได้รับคำตอบว่า นอกจากไม่กลัวบ้านใหญ่แล้ว ยังฝากคำถามกลับไปถึง นายสนธยา ด้วยว่า ใครกันแน่ที่ลืมบุญคุณคน ยังจำได้หรือเปล่าว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้แต่งตั้งให้เป็นนายกเมืองพัทยา พร้อมกับส่งสารท้ารบ ให้ นายสนธยา มาลงสมัครเขต 1 ชลบุรี จะได้วัดบารมีกันไปเลย ระหว่างบ้านใหญ่กับบ้านใหม่ คนชลบุรีเลือกใคร

ให้ข้อมูลคุณผู้ชมกันหน่อย จะได้ไม่งงว่า ทำไม นายสนธยา กับ นายสุชาติ จึงดูเป็นคู่ที่ "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า เดิมทีชลบุรีเป็นถิ่น กำนันเป๊าะ บิดาของนายสนธยา คุมทั้งการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติไว้อย่างอยู่หมัด ส่วน นายสุชาติ เริ่มก่อร่างสร้างตัว รวมถึงเข้าสู่ถนนการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ใต้ร่มเงาของกำนันเป๊าะ ในปี 2554 เป็น สส.ชลบุรี สมัยแรก สังกัดพรรคพลังชล หลังเกิดการรัฐประหาร ลงสมัคร สส. ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ

โดยในการเลือกตั้งปี 2562 ทีมผู้สมัครใต้ปีกของ นายสุชาติ สอบได้หมด แต่ทีมของ นายสนธยา สอบตกทั้ง 3 คน รวมถึง นายอิทธิพล คุณปลื้ม น้องชายนายสนธยาด้วย แต่ในการเจรจาเก้าอี้รัฐมนตรี กลับยกให้น้องชายตัวเอง กลายเป็นจุดแตกหักระหว่างกันนับจากนั้นเป็นต้นมา แต่สุดท้ายนายสุชาติ ก็เคลื่อนไหวจนได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมา พร้อมกับประกาศก้าวออกจากร่มเงาตระกูลคุณปลื้ม ขอเป็นหัวหน้าทีมคัดผู้สมัครชลบุรีทั้งหมดให้กับ พรรคพลังประชารัฐ เรียกว่าเหยียบเท้านายสนธายาแบบเต็ม ๆ จนเกิดวิวาทะผ่านเฟซบุ๊ก ว่าด้วยเรื่อง "คนทรยศ"

สำหรับจังหวัดชลบุรี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มี สส. ได้ 10 คน พรรคเพื่อไทย ประกาศขอทวงคืนพื้นที่แลนสไลด์แบบยกจังหวัด ส่วนฝั่งของ พรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งเป้าหมายได้ สส. 7 จากทั้งหมด 10 คน โดยในการเลือกตั้งปี 2562 มี สส. 8 คน เป็นของพรรคพลังประชารัฐ 5 คน ที่เหลือเป็น สส.จากพรรคอนาคตใหม่