ประธานาธิบดีเอ็มมานนูเอล มาครง รอดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจพร้อมเดินหน้านโยบายปฏิรูปเงินบำนาญ ขณะที่การประท้วงในกรุงปารีส ยังคงดุเดือด รัฐบาลฝรั่งเศส นำโดย ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง รอดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้ อย่างหวุดหวิด ด้วยคะแนนเสียง 287 ต่อ 278 ส่งผลให้นโยบายปฏิรูปเงินบำนาญ ที่ยืดเวลาเกษียณอายุของชาวฝรั่งเศสจาก 62 ปี เป็น 64 ปี ได้เดินหน้าต่อไป ซึ่งการอภิปรายในครั้งที่ 2 นี้ เกิดขึ้นจากการผลักดันของ นางมารีน เลอ ปอง จากพรรคขวาจัดฝรั่งเศส (Nation Rally) ทำให้หลังจากการลงคะแนนเสียง สส.ฝ่ายค้านได้ วอล์ค-เอาท์ (Walk Out) ออกจากสภา ขณะที่ นักวิเคราะห์ออกมาเปิดเผยว่า แม้ นายมาครง จะรอดจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้แต่กลับทำให้เขาสูญเสียคะแนนเสียงสนับสนุนในสภาไปไม่น้อย และทำให้ นายมาครง ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่สุด นับตั้งแต่การลุกฮือของขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น ผนวกกับนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสใช้อำนาจพิเศษผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปเงินบำนาญเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นการจุดชนวนให้มีการยกระดับการชุมนุมมากขึ้นอีกในช่วงไม่กี่วันมานี้ รวมทั้ง มีกระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้มาตรการสลายการชุมนุม ที่เกิดขึ้นหลายเมือง อาทิ กรุงปารีส บอร์โด (Bordeaux) มาร์เซย (Marseille) และ นองต์ (Nantes) โดยทางสหภาพแรงงานยืนยันว่า การประท้วงจะยังดำเนินต่อไป โดยในวันพฤหัสบดีนี้ จะมีการนัดหยุดงานประท้วงอีกครั้ง