ขอศาลออกหมายจับ ตำรวจ ตม. อุ้มนักธุรกิจจีนรีดเงิน

View icon 38
วันที่ 21 มี.ค. 2566 | 11.11 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ยังมีคดีอุ้มชาวจีนให้ตามกันต่อเนื่อง อย่างพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อคืนนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไปติดตามความคืบหน้าคดีอุ้มนักธุรกิจจีนและล่ามแปลภาษา รีดทรัพย์เงินสกุลดิจิทัล หลังพบผู้ต้องสงสัย 5 คน เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเกือบทั้งหมด

พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง นำเอกสารหลักฐานไปขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหาไม่น้อยกว่า 4 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุลักพาตัว นางสาวนามี แซ่ลี หญิงชาวไทยที่เป็นล่ามภาษาจีน พร้อมเพื่อนชายชาวจีนอีก 1 คน จากที่เกิดเหตุบริเวณถนนประชาสงเคราะห์ ซอย 2 แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ไปรีดเงินสกุลดิจิทัล 30,000 เหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 1 ล้านบาท ในความผิดฐาน "ร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ"

พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภาพวงจรปิด เบื้องต้นพบผู้ต้องสงสัยที่ค่อนข้างชัดเจน 5 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยศพันตำรวจตรี เป็นหัวหน้า พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนไปขอศาลฯ ออกหมายจับในเช้าวันนี้ และให้กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 เรียกตัวผู้ต้องสงสัย 3 คน ไปสอบสวนในทางปกครอง ส่วนอีก 1 คน ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นตำรวจ พบว่าหลบหนีไป ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น คนไทยที่อาจเป็นคนชี้เป้า

ส่วนคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับคดีอุ้มนักศึกษาหญิงชาวจีนในพื้นที่ สน.ทองหล่อ และคดีอุ้มภรรยานักธุรกิจจีน ในจังหวัดชลบุรี หรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

สำหรับคดีนี้ เริ่มต้นจากที่ผู้เสียหายชาวจีนต้องไปต่ออายุหนังสือเดินทางและวีซา ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ แต่เอกสารไม่ครบ จึงย้อนกลับไปเอาเอกสารที่บ้านพักย่านดินแดง ต่อมามีชายฉกรรจ์ 5 คน ใช้รถยนต์ 3 คัน อุ้มพาผู้เสียหายขึ้นรถ อ้างว่า มีความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงบัตรประชาชน จึงเรียกเงินสกุลดิจิทัล 60,000 เหรียญ หรือประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ผู้เสียหายจึงให้ลูกชายโอนเงินสกุลดิจิทัลให้ไป 30,000 เหรียญ แทน ก่อนที่ผู้เสียหายและล่ามแปลภาษาจะถูกพามาปล่อยตัวที่เดิม ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ผู้เสียหายเคยมีบัตรประชาชนคนไทย ชื่อ นายสาโรจน์ ทองค้าไม้ อายุ 55 ปี เป็นชาวจังหวัดสมุทรปราการ และเคยใชับัตรนี้ทำธุรกรรมในไทย ตำรวจกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย