เลือกตั้ง 2566 : เปิดใจ เอกภพ สายไหมต้องรอด สาเหตุต้องซบภูมิใจไทย

View icon 103
วันที่ 21 มี.ค. 2566 | 17.04 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากมีการประกาศยุบสภา มีผู้คนแวดวงต่างๆ  ตบเท้าเข้าลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรตามพรรคต่างๆกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด ที่ลงสมัครในพรรคภูมิใจไทย ทำให้เป็นกระแสดรามาอยู่ในขณะนี้ เนื่องจาก นายเอกภพ ได้ลงพื้นที่ในนามพรรคเพื่อไทยมาตลอด 10 กว่าปี และยังเคยเป็นคู่ขัดแย้งของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นรัฐมนตรี เรื่องการจัดการระบบในรักษาโรคระบาดโควิด-19

วันนี้ทีมข่าวเราเดินทางไปสอบถาม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด ในเรื่องนี้เจ้าตัวเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนทำการเมืองกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด และได้เป็นผู้ช่วยท่านนาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ สส.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย มานาน พอช่วงการเมืองเปลี่ยนผ่าน ฝั่งผู้ใหญ่ของท่าน น.อ.อนุดิษฐ์ มาตั้งพรรคการเมืองใหม่ ตนจึงต้องย้ายพรรคมาด้วย ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย ได้เชิญอดีต สก. ในพื้นที่เขตสายไหม จากพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมงานแล้ว

เมื่อข่าวนี้กระจายไป วัน อยู่บำรุง ก็มาให้ตนเองมาลงเพื่อไทย ตนเลยไปเขียนใบสมัคร สักพัก วัน แจ้งมาว่า มีคนที่อยากลงเขตสายไหมหลายคน ผู้ใหญ่ฝากฝังมา สุดท้ายพอลงกับเพื่อไทยไม่ได้ น.อ.อนุดิษฐ์ จึงเสนอว่า ถ้าจะลงกับไทยสร้างไทย ต้องเป็นเขตอื่นที่ไม่ใช่สายไหม แต่ตนเกิดสายไหม โตที่สายไหม ทำการเมืองก็ที่สายไหม พี่น้องประชาชนทุกคนอยากเห็นเราทำงานในพื้นที่ ถ้าต้องไปทำหน้าที่ สส.เขตอื่น ตนขอไม่เป็นดีกว่า เหตุที่มาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เพราะมีผู้ใหญ่ประสานมาคุย บอกผมว่า ภูมิใจไทย ไว้ใจในตัวผม

ส่วนเรื่อง เพจสายไหมต้องรอด โจมตีการทำงานของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงโควิด-19 ในช่วงกำลังระบาดใหม่ ๆ เรื่องนี้หลังจากที่ตนเองได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี และลงพื้นที่ร่วมกันมาตลอด จึงไม่ได้ขัดแย้งอะไร ส่วนเรื่องกัญชาเพื่อการสันทนาการตนเองก็ยังไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้

เกาะติดทุกความเคลื่อนไหว เลือกตั้ง 66 #วาระคนไทย ได้ที่ www.ch7.com/election2566

ช่องทางโซเชียลมีเดีย
Facebook : www.facebook.com/Ch7HDNews
Twitter : www.twitter.com/Ch7HD
IG : www.instagram.com/ch7hd_news
TikTok : www.tiktok.com/@ch7hd_news
Youtube : www.bit.ly/youtubech7hd

ข่าวที่เกี่ยวข้อง