ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น โดยตลาดหุ้น "วอลล์สตรีต" ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น 0.98 เปอร์เซ็นต์ ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต พุ่งสูงขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ หุ้นธนาคาร "เฟิสต์รีพับลิก" ที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ก็ปรับตัวสูงขึ้น 29.5 เปอร์เซ็นต์ หลังประธานกรรมการบริหารของ "เจพีมอร์แกน" (JPMorgan) กำลังเดินหน้าเจรจากับธนาคารขนาดใหญ่ต่าง ๆ ในการอุดเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อสร้างเสถียรภาพของธนาคาร รวมทั้งการที่นาง "เจเน็ต เยลเลน" รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาส่งสัญญาณว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะปกป้องเงินฝากของประชาชนหากมีธนาคารล้มเพิ่มอีก พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ ระบบธนาคารของสหรัฐฯ ยังมั่นคงอยู่
ส่วนตลาดหุ้นฝั่งยุโรปก็ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน หลังธนาคาร "ยูบีเอส" เข้าซื้อกิจการของธนาคารเครดิสสวิส โดยหุ้นภาคธนาคารยุโรป (.SX7P) ปรับตัวสูงขึ้น 3.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งช่วยให้ดัชนี "สตอกซ์ 600" (.STOXX) ปรับตัวขึ้น 1.3 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ บรรดานักลงทุนกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่ได้เริ่มมีการประชุมตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งจะมีการหารือกันเป็นเวลา 2 วัน เพื่อตัดสินใจว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25 เปอร์เซ็นต์ จากอัตรา 4.75 เปอร์เซ็นต์ เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อหรือไม่ หรือจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน แต่นักเศรษฐศาสตร์ของ "ทีดี ซีเคียวริตี้" (TD Securities) คาดว่า เฟด จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้
