ก.ยุติธรรม ตรวจจุดยิง สารวัตรกานต์ ปมญาติสงสัย

View icon 38
วันที่ 23 มี.ค. 2566 | 11.12 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - คดีที่ "สารวัตรกานต์" ก่อเหตุคลุ้มคลั่งยิงในบ้านย่านสายไหม เมื่อสัปดาห์ก่อน ญาติได้ประสานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาข้อเท็จจริง เพราะยังติดใจสงสัยการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ

นายอนุชิต ธาตุเสียว ทนายของครอบครัว พันตำรวจโท กิตติกานต์ หรือ "สารวัตรกานต์" พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์, เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน, อัยการ และพนักงานสอบสวน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาข้อเท็จจริง การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในวันดังกล่าว

ทนายอนุชิต บอกว่า ครอบครัวของสารวัตรกานต์ ยังคงติดใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดปฏิบัติการ เนื่องจากพบร่องรอยการยิงในบ้านหลายนัด จึงเกิดข้อสงสัยว่ามีการไล่ยิงจนเป็นเหตุให้ "สารวัตรกานต์" ตกลงมาชั้นล่างหรือไม่ และเมื่อตกลงมาแล้วมีการยิงซ้ำหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นติดใจที่ตำรวจไม่รอให้ญาติมาเจรจาด้วยตัวเอง และการเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีการแจ้งญาติ หรือรออัยการเข้าร่วมการตรวจสอบด้วย จึงเกิดเป็นข้อสงสัยเรื่องการทำลายพยานหลักฐานการเสียชีวิตที่แท้จริง จึงต้องประสานขอให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยเข้ามาตรวจสอบเพื่อหาข้อสรุปเหตุการณ์นี้ด้วย

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า เมื่อวานนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันทำบุญให้ "สารวัตรกานต์" เพราะทุกคนยังรู้สึกรักและคิดถึง "สารวัตรกานต์" ต้องการให้ได้รับผลบุญตามความเชื่อทางศาสนา

เพราะทั้ง 2 เหตุการณ์ เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน มีการใช้กำลังตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ เกิดการยิงต่อสู้ และผู้ก่อเหตุก็จบชีวิตลงจากการถูกวิสามัญฆาตกรรม ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ว่ามีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร

เรามาเปรียบเทียบดูทั้ง 2 เหตุการณ์ เริ่มจากสิ่งที่ผู้ก่อเหตุมีลักษณะเหมือนกัน คือ มีอาการเครียด มีอาวุธปืนอยู่ในมือ มีกระสุนปืนจำนวนมาก เสพยาเสพติด ผ่านการฝึกใช้อาวุธปืนมาแล้ว โดยผู้ก่อเหตุที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นอดีตทหารเกณฑ์ ส่วนผู้ก่อเหตุที่เขตสายไหม เป็นข้าราชการตำรวจ และเป็นครูฝึกยุทธวิธี

ส่วนที่แตกต่างกัน เหตุในจังหวัดเพชรบุรี ผู้ก่อเหตุไม่มีประวัติป่วยทางจิตเวช ยิงผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 3 คน พูดคุยกับเพื่อนว่าจะไม่มอบตัว วางอุปสรรคป้องกันไม่ให้ตำรวจเข้าใกล้ และบอกว่าจะต่อสู้กับตำรวจชัดเจน เจ้าหน้าที่ใช้ทุกวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม รวมเวลา 15 ชั่วโมง ก่อนเกิดการวิสามัญฆาตกรรม

ส่วนเหตุที่ย่านสายไหม ผู้ก่อเหตุมีประวัติอาการป่วยทางจิตเวช มีการยิงข่มขู่ออกนอกตัวบ้าน ไม่ฟังการเกลี้ยกล่อมขับไล่ไม่ให้เข้าใกล้ เจ้าหน้าที่ใช้ทุกวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม มีการยิงก๊าซน้ำตาเพื่อกดดันเป็นระยะ รวมเวลา 26 ชั่วโมง ก่อนบุกเข้าจับกุม แล้วเกิดการยิงต่อสู้จนตำรวจยิงป้องกันตัว เป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุเสียชีวิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง