ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหลัง เฟด เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.25 %

View icon 19
วันที่ 23 มี.ค. 2566 | 11.51 น.
รอบรั้วรอบโลก
แชร์
ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25 เปอร์เซ็นต์ จากระดับ 4.75 เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนี้ นับเป็นครั้งที่ 9 แล้ว ทำให้อัตราดอกเบี้ยพุ่งไปอยู่ในระดับสูงสุด นับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2550 ขณะเดียวกัน เฟด ระบุว่า อาจจะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ พร้อมทั้งมีการปรับเปลี่ยนถอยคำที่ใช้ในแถลงการณ์เรื่องนโยบายดอกเบี้ย จากที่เคยระบุ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เป็น จะปรับขึ้นตามความเหมาะสม

แม้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ จะเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักลงทุน แต่หลังจากนายเจอโรม โพเวลล์ (Jerome Powel) ประธาน เฟด กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า เขามุ่งมั่นที่จะควบคุมภาวะเงินเฟ้อต่อไป และ เฟด จะทำสิ่งที่เพียงพอที่จะทำให้ภาวะเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ที่ 2 เปอร์เซ็นต์ และจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีกหากมีความจำเป็น ซึ่งสวนทางกับการแถลงการณ์ของเฟด ก่อนหน้านี้ ทำให้ดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมา โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลงมาอยู่ที่ 1.63 เปอร์เซ็นต์ ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 1.64 เปอร์เซ็นต์ และดัชนีแนสแด็กคอมโพสิต ร่วงลง 1.6 เปอร์เซ็นต์
            
สำหรับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ 6 เปอร์เซ็นต์ ลดลงมาเล็กน้อยจากเดือนมกราคม ที่ 6.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ยังมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ว่า "เฟด" จะยังคงปรับอัตราดอกเบี้ยไปจนถึง 5.1 เปอร์เซ็นต์ ภายในสิ้นปีนี้