เลือกตั้ง 2566 : "ตระกูลม่วงศิริ" ยกทีมเข้า ปชป. มั่นใจกวาดที่นั่ง กทม.ยกทีม

เลือกตั้ง 2566 : "ตระกูลม่วงศิริ" ยกทีมเข้า ปชป. มั่นใจกวาดที่นั่ง กทม.ยกทีม

View icon 357
วันที่ 23 มี.ค. 2566 | 17.05 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“ตระกูลม่วงศิริ” ยกทีม เข้า ปชป. ผนึกกำลังลงสนามเลือกตั้ง มั่นใจกวาดที่นั่ง กทม. ยกทีม เฉลิมชัย ชี้พรรคต่างๆ นัดกินข้าวกันเป็นเรื่องธรรมดา ตนก็กินข้าวกับทุกคน แต่ไม่เคยโชว์ภาพ

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้งนายสากล นายสาคร และ นายสามารถ ม่วงศิริ ร่วมกันต้อนรับนายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ที่มาสมัครสมาชิกประชาธิปัตย์แบบตลอดชีพ และเสนอตัวลงเป็นผู้สมัคร สส.กรุงเทพมหานคร ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ตระกูลม่วงศิริ ยกทีมเข้า ปชป. มั่นใจกวาดที่นั่ง กทม.ยกทีม

นายเฉลิมชัย กล่าวภายหลังการมอบเสื้อและมอบบัตรสมาชิกให้กับนายสุวัฒน์ ว่ายินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวประชาธิปัตย์ พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กรุงเทพมหานคร เขตที่ 26 บางขุนเทียน เฉพาะแขวงท่าข้าม และเขตจอมทอง ยกเว้นบางขุนเทียน ที่พรรคได้สมาชิกจากครอบครัวตระกูลม่วงศิริ เข้ามาร่วมในการลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตดังกล่าว ซึ่งก็คือ นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ โดยให้เหตุผลว่า จากการแบ่งเขตของ กกต. ทำให้การวางตัวผู้สมัครของพรรคซึ่งมีการวางตัวไปแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องปรับให้เกิดความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ นอกจากนี้ จากการพูดคุยกับนายสากล ม่วงศิริ นายสาคร ม่วงศิริ และ นายสามารถ ม่วงศิริ ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นอดีต สส. ว่าตนต้องการเห็นภาพคนในตระกูลม่วงศิริทั้งหมด มาอยู่รวมกัน และทำการเมืองร่วมกัน เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ในเขตฝั่งธนฯบุรีเป็นอย่างมาก

ด้านนายองอาจ กล่าวว่า เมื่อการแบ่งเขตเลือกตั้งต้องถูกแบ่งใหม่ ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อน จึงต้องมีการตัดสินใจผนึกกำลัง เพื่อให้การแบ่งพื้นที่มีความเข้มแข็งมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งจะเป็นการรวมพลังในพื้นที่ทั้งหมดให้นำไปสู่ชัยชนะของการเลือกตั้ง นอกเหนือจากการทำงานด้านอื่นๆ แล้ว พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าการทำงานในพื้นที่อย่างเข้มแข็งของผู้สมัครในฐานะที่มาจากตระกูลม่วงศิริ ก็ถือว่ามีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนายสากล ม่วงศิริ ซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนทั้งเขตบางขุนเทียน และเขตของนายสากล ม่วงศิริ รวมทั้งพื้นที่บางส่วนก็อยู่ในเขตของนายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ด้วย และนอกจากนายสุวัฒน์จะดูแลพื้นที่บางขุนเทียน จอมทองแล้ว เขตของนายสากล ยังมีเขตบางขุนเทียนในหลายแขวงที่ไปรวมกับเขตบางบอน ในขณะที่เขตบางบอนเองก็ไปพันกับอีกเขตและเขตจอมทองเช่นเดียวกัน ส่วนนายสุวัฒน์เองก็เคยเป็น สส.ในพื้นที่เขตบางบอน จอมทอง และยังมีเขตหนองแขม ซึ่งมี น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ ดูแลพื้นที่อีกด้วย

นายสุวัฒน์ กล่าวถึงสาเหตุของการตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเพื่อให้ตระกูลม่วงศิริไม่ต้องส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง ซึ่งจะกระทบต่อความเป็นปึกแผ่นของตระกูลม่วงศิริ และฐานเสียงของพี่น้องประชาชนเกิดความยากลำบากในการตัดสินใจ การที่ตนเข้ามาอยู่ในทีมเดียวกัน อยู่พรรคเดียวกัน ก็จะทำให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนการตั้งเป้าตัวเลข สส.ใน กทม. นายเฉลิมชัย ยืนยันว่าทำเต็มความสามารถทุกเขต เชื่อว่าคน กทม. จะเป็นผู้ที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ นี่คือความตั้งใจที่จะทำให้พี่น้องเห็นว่า ปชป.ตั้งใจเข้ามาทำงานอย่างแท้จริง ขอให้เป้าหมายนี้เป็นคำตอบในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

ตระกูลม่วงศิริ ยกทีมเข้า ปชป. มั่นใจกวาดที่นั่ง กทม.ยกทีม

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจทุกเขต แต่จะชนะกี่เขตขอให้ถามประชาชนก่อน อย่าไปดูถูกประชาชน เพราะวันนี้ต้องฟังเสียงของประชาชน ตนเป็นคนที่ต่างจังหวัดเล่นละครไม่ค่อยเก่ง ฉะนั้นสิ่งที่จะทำก็คือสิ่งที่มันจะเป็นความจริงเท่านั้นและมันมีโอกาสที่จะเป็นความจริง จะรู้ได้อย่างไรว่าประชาธิปัตย์จะไม่ได้มาก ให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจก่อน เพราะวันนี้ประชาธิปัตย์ก็กำลังเปลี่ยนให้คนไทยเห็นว่า เรากำลังเปลี่ยนแปลง เมื่อความเปลี่ยนแปลงเป็นความท้าทาย ดังนั้นเมื่อประชาธิปัตย์เปลี่ยน เรามาร่วมกันเปลี่ยนมั้ย มาช่วยตนเองหรือไม่ พร้อมฝากคำตอบไปถึง นายสกลธีว่า ดีลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ดีลสายเลือด ไม่มีอะไรใหญ่กว่านี้ ส่วนถ้าดีลอื่นๆ ประชาธิปัตย์ สู้ไม่ได้อยู่แล้ว

ส่วนการรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิในการรับประทานอาหาร ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับความเป็นนักการเมือง ตนก็ทานอาหารกับทุกคน เพียงแต่ตนไม่ได้โชว์ภาพเท่านั้นเอง พร้อมย้ำว่า การเล่นการเมือง เล่นเพื่อที่จะทำประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนและประเทศชาติ เพราะฉะนั้นเล่นการเมืองไม่ได้เข้าสู่สนามรบเพื่อฆ่ากัน แต่เข้าสู่สนามเพื่อแข่งขันกัน ถ้าทุกคนคิดอย่างนี้ประเทศไทยเดินได้