โดยนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ให้ความเห็นกรณีนี้ว่า องค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้พิจารณาว่า การกระทำของนายชูวิทย์ มีลักษณะของการ
"ซุกซ่อนปกปิด" ทรัพย์สินที่ได้มา หรือไม่ ซึ่งหากมองตามข้อเท็จจริงเท่าที่ปรากฎ ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุลงไปให้ชัดเจนได้ว่า เป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่
ซึ่งข้อกฎหมายที่จะนำมาพิจารณา ก็คือ มาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 องค์ประกอบสำคัญที่ต้องพิจารณา คือหากมีการโอน, รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิด เพื่อซุกซ่อน หรือ ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง
หรือ หากกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มา, แหล่งที่ตั้ง, การจำหน่าย, การโอน,การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
หรือ หากได้มา, ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา, ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้น ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
จากศึก แฉไป ไถไป นี้ มีผู้มาขอร่วมวงเพิ่มเติมอีก 1 คน วันพรุ่งนี้ (27มี.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จะไปแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน กับตำรวจยศ พลตำรวจตรี และ พลตำรวจโท พร้อมพวก ที่นำเงิน 6 ล้านบาทจากสารวัตรซัวไปมอบให้นายชูวิทย์ และไปต่อที่ สน.ทองหล่อ เพื่อขอให้สอบสวนและดำเนินคดีอาญากับบุคคลตามภาพในเฟซบุ๊กทนายตั้ม ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของเว็บฯ พนันออนไลน์ และชายอีกหนึ่งคน พร้อมถุงเงิน 2 ถุง ในข้อหาเดียวกันด้วย