เลือกตั้ง 2566 : นโยบายประชานิยม หวังใช้เรียกคะแนนเสียง

View icon 265
วันที่ 28 มี.ค. 2566 | 11.25 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ศึกเลือกตั้ง 2566 ใกล้เข้ามาทุกขณะ ที่ผ่านมาเราได้เห็นแต่ละพรรคการเมือง นำเสนอนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มุ่งเน้นเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งดูแล้ว ส่วนใหญ่ ล้วนเป็น นโยบายประชานิยม วันนี้ขอบสนามเลือกตั้ง จะพาไปดูวิสัยทัศน์แต่ละพรรคการเมือง ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในภาพรวม

นโยบายประชานิยม หวังใช้เรียกคะแนนเสียง
แต่ละพรรคการเมืองต่างนำเสนอ นโยบายประชานิยม ที่หวังจะใช้เรียกคะแนนเสียง ให้ชนะการเลือกตั้ง แต่ก็มีคำถามตามมาว่า นโยบายที่ออกมา จะกระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศในอนาคตหรือไม่ ล่าสุด สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ได้วิเคราะห์ว่า การดำเนินนโยบายของพรรคการเมืองใหญ่ อาจสร้างภาระทางการคลังมูลค่ามหาศาล โดยงบประมาณอาจเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งหากภาครัฐไม่สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ก็จะต้องก่อหนี้สาธารณะเพิ่ม

เมื่อมาลองดูตัวอย่างนโยบายของพรรคการเมือง จะพบว่า แข่งขันเรื่องตัวเลขกันสูงมาก อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอบัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาทต่อเดือน และยังหนุนให้มีคนละครึ่ง ภาค 2

พรรคพลังประชารัฐ เสนอนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน และที่ดินประชารัฐ ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก

พรรคเพื่อไทย ย้ำว่า ปริญญาตรีต้องมีรายได้ต่อเดือน 25,000 บาท และค่าแรงขั้นต่ำต้องได้ 600 บาทต่อวัน ภายในปี 2570

พรรคก้าวไกล เสนอนโยบายเอาใจคนทำงาน กำหนดค่าแรง 450 บาทต่อวัน และให้ลูกจ้างทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ด้านพรรคภูมิใจไทย ประกาศจะพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก และยังเสนอนโยบาย “เกษตรร่ำรวย” รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เสนอประกันรายได้เกษตรกร พร้อมชูนโยบายธนาคารหมู่บ้าน-ธนาคารชุมชน 2 ล้านบาท กระจายเม็ดเงินลงพื้นที่

เอกชน จี้ พรรคการเมืองช่วยดูแลค่าไฟฟ้า
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม นำโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเวที ให้ 9 พรรคการเมืองดีเบตวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งภาคเอกชนส่วนหนึ่งอยากเห็นนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม เพราะเขามองว่าถ้าผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมดี ก็จะช่วยให้ภาคครัวเรือนดีได้แบบอัตโนมัติ เป็นไปได้ก็อยากเห็นนโยบายช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เป็นผู้ประกอบการฐานใหญ่ของไทย ต้องทำให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ แต่นโยบายเร่งด่วนที่อยากเห็นคือ ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าต้องมาก่อน รัฐควรปรับค่าไฟฟ้าให้สมดุลกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการที่ค่าไฟฟ้าแพง มันก็กระทบขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยเช่นกัน เพราะมันทำให้ต้นทุนเราแพง

การดำเนินนโยบายในลักษณะเช่นนี้ หากรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศเก่งจริง หาแหล่งที่มาของงบประมาณได้ ก็อาจทำให้อัตราการเติบโตของประเทศเพิ่มขึ้นได้อีกกว่า 2% แต่เท่าที่ผ่านมานับแต่อดีต ยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำได้ จึงเป็นโจทย์ยากของทุกพรรคการเมือง ว่าถ้าชนะเลือกตั้งแล้วจะทำตามที่สัญญากับประชาชนได้อย่างไร

เกาะติดทุกความเคลื่อนไหว เลือกตั้ง 66 #วาระคนไทย ได้ที่ www.ch7.com/election2566

ช่องทางโซเชียลมีเดีย
Facebook : www.facebook.com/Ch7HDNews
Twitter : www.twitter.com/Ch7HD
IG : www.instagram.com/ch7hd_news
TikTok : www.tiktok.com/@ch7hd_news
Youtube : www.bit.ly/youtubech7hd