เจาะประเด็นข่าว 7HD - อีกประเด็นที่สังคมกำลังจับ คือ กรณีการตรวจสอบเรื่องเงิน 6 ล้านบาท ที่ฝั่งหนึ่งบอกว่ามาจากเครือข่ายเว็บฯ พนันของสารวัตรซัว ขณะที่อีกฝั่งบอกว่า เป็นเงินฝากทำบุญก่อนเปิด อาบอบนวด ตอนนี้ตำรวจยืนยันยังไม่ฟันธงว่าใครผิดใครถูก เพราะยังมีคนต้องเรียกตัวมาสอบปากคำอีกหลายคน
พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำเงินจำนวน 6 ล้านบาท ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของเงิน ตามที่มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่าอาจมาจาก "สารวัตรซัว" และอาจเข้าข่ายผิดฐานฟอกเงิน โดยบอกว่า ผู้ที่เรียกสอบปากคำไปล่าสุดก็คือ นายชูวิทย์ ที่นำเงินมามอบ ซึ่งประเด็นที่มีการซักถาม คือเรื่องที่มาที่ไปของเงินจำนวนนี้ ว่าเป็นของใคร มาอยู่กับ นายชูวิทย์ ได้อย่างไร มอบให้ในวัตถุประสงค์ใด และในวันที่มีการรับมอบเงินกัน สรุปแล้วมีใครรู้เห็นหรือว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ซึ่งตอนนี้เท่าที่ได้สอบปากคำไปแล้วคือจะมี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ที่ให้ข้อมูลสอดคล้องไปในทางเดียวกันว่า เงินก้อนนี้เกี่ยวพันกับ "สารวัตรซัว" ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเครือข่ายเว็บฯ พนันออนไลน์ ส่วน นายสันธนะ ประยูรรัตน์ และ นายชูวิทย์ ให้การสอดคล้องกันว่าเงินจำนวนนี้ มาจากกลุ่มทุนที่ต้องการเปิดอาบอบนวด "ลาลิซ่า" และฝากให้นำไปทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลของธุรกิจ
ซึ่งเป้าหมายที่จะเรียกมาสอบปากคำยังไม่ครบ ยังขาดอีกหลายคน เช่น นายพล "ป", นายพล "อ", นายเปา, นายศักดิ์ ที่มีข้อมูลว่าอยู่ด้วยกันในวันที่มีการส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว ต้องเรียกมาให้ปากคำ เพื่อดูว่าข้อเท็จจริงที่แต่ละฝ่ายให้การเป็นอย่างไร ยืนยันว่าไม่กังวลว่าใครจะให้การอย่างไร เพราะนอกจากคำให้การแล้ว ก็ต้องนำไปพิจารณาด้วยว่า ที่แต่ละคนเคยให้สัมภาษณ์ หรือไลฟ์สด พูดถึงเรื่องนี้มีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง
อีกทั้งยังต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ดูความเชื่อมโยงในด้านต่าง ๆ ก่อนจะพิจารณาได้ว่าสุดท้ายแล้วใครถูก หรือใครผิดกันแน่
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน จะนัดหมายประชุมหารืออีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อวางกรอบการทำงาน และยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนความเคลื่อนไหวในเพจเฟซบุ๊กของ นายชูวิทย์ เมื่อ 13.00 น.ของวันนี้ ก็โพสต์ข้อความเชิงเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา มีการพูดถึงคนที่ออกมาแถลงข่าว ออกมาให้สัมภาษณ์ หรือโจมตีตนเอง แม้ไม่ได้ระบุชื่อตรง ๆ ว่าหมายถึงใคร แต่ถ้าติดตามข่าวนี้พอจะเดาคนที่กำลังพูดถึงออกที่สำคัญคือการเปรียบเทียบคนเหล่านี้ไม่ต่างจากผี และตนเองก็เป็นผีประเภทหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่เป็นผีที่กล้ายอมรับว่าสิ่งที่ทำ หรือเคยทำไปนั้น ถูกหรือผิดอย่างไร
