ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มอายุ 38 ปี เกิดอาการคุ้มคลั่ง ขับรถยนต์ด้วยความเร็ว ทั้งฝ่าไฟแดง ขับย้อนศร ไล่เฉี่ยวชนรถของชาวบ้านที่ขวางถนน
เป็นภาพที่หวาดเสียวมาก โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ที่รถคันนี้สิ้นฤทธิ์ ไม่ใช่เพราะตำรวจสกัดจับ แต่เป็นเพราะรถเพลาขาด ทำให้ขับไปต่อไม่ได้
เมื่อเย็นวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งว่ามีคนขับรถไล่ชนรถชาวบ้าน บนยอดเขากระโดง ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จึงสั่งการให้ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว และตำรวจชุดสืบสวน เข้าไปตรวจสอบ หลังเดินทางมาถึง พบชาวบ้านช่วยกันจับผู้ก่อเหตุไว้แล้ว ผู้ก่อเหตุรายนี้คือนายวราวุฒิ แวดรัมย์ (หรือโอ) อายุ 38 ปี เป็นคนชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ใกล้กันพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีขาว สภาพได้รับความเสียหายทางด้านหน้ารถ และด้านข้างรถ ตำรวจจึงควบคุมตัว โดยนายวราวุฒิ ที่ยังมีอาการคุ้มคลั่งอยู่ พูดจาไม่รู้เรื่อง ไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์
สอบถาม นายประสิทธิ์ ก้องเสียง เจ้าหน้าที่อุทยานเขากระโดง เล่าว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่ามีคนขับรถชนที่กั้นแล้วขับรถไปบนเขากระโดง จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ได้ขับรถติดตามไป แต่ผู้ก่อเหตุกลับขับรถย้อนศรลงมาจากเขา ด้วยครับเร็ว เจ้าหน้าที่ต้องรีบหักพวงมาลัยรถหลบลงข้างทาง จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ขับรถพุ่งชนคนที่ยืนอยู่ข้างทาง แต่โชคดีที่มีรถส่งน้ำแข็งมาบังเสียก่อน ทำให้ผู้ก่อเหตุหักรถหลบไปชนกับรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย 1 คัน แล้วเหยียบสุนัขที่นอนอยู่บริเวณนั้นตายอีก 1 ตัว จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้ขับรถหลบหนีลงเขาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมาสิ้นฤทธิ์ตรงสี่แยกภัทรบพิตร ซึ่งห่างจากเขากระโดงประมาณ 2 กิโลเมตร
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ก่อเหตุ พบเพียงนาง ผ่อง เกริ่นรัมย์ อายุ 71 ปี อสม.ประจำหมู่บ้าน มีศักดิ์เป็นน้าของผู้ก่อเหตุ เล่าให้ว่า อดีตนายโอ (ผู้ก่อเหตุ) ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ จากนั้นไปได้ภรรยาอยู่ที่ จังหวัดอุบลราชธานี จึงหันไปประกอบอาชีพปลูกผักอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี นาน ๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านที่บุรีรัมย์
ปกติหลานจะเป็นคนนิสัยดี มีน้ำใจ ได้เงินมามักจะซื้อขนมให้เด็ก บางครั้งให้เงินเด็ก แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ตนไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ส่วนตัวคาดว่า น่าจะมีปัญหาครอบครัวที่จังหวัดอุบลราชธานี แล้วขับรถกลับบ้าน และน่าจะคิดมากจนเกิดความเครียด
ด้านทางนาย วิเชียร์ ปะเว อายุ 60 ปี เป็นน้าชายผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า นายโอ เคยขับรถทัวร์มาก่อน มีความสามารถในการขับรถได้ดี ทำให้ในช่วงที่ก่อเหตุไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิต ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดมาจากปัญหาครอบครัว
