พล.ต.ต.เอกรักษ์ เตรียมฟ้อง อัจฉริยะ ปฏิเสธไม่ได้ลักรถ ผกก.โจ้ ขาย

View icon 76
วันที่ 7 เม.ย. 2566 | 06.20 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - พล.ต.ต.เอกรักษ์ ยืนยันไม่ได้ลักรถ ผกก.โจ้ ไปขาย ชี้แจงว่าทนายและแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ ขอให้ช่วยขายรถเพื่อนำเงินไปใช้ทางคดี และเมื่อ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัด ตนต้องควักเงินส่วนตัวจ่ายคืนให้คนที่ซื้อรถไป ยืนยันไม่ได้โกง พร้อมเตรียมฟ้องกลับ นายอัจฉริยะ

จากกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าแจ้งความที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดี พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. และ ร.ต.ท.ภาณุรุจ ลิ้มสังกาศ ลูกชายของ พล.ต.ต.เอกรักษ์ โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันปลอมเอกสารลักรถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ไปขาย

พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวปฏิเสธว่า หลังผู้กำกับโจ้ถูกนำตัวเข้าเรือนจำ ทนายความและแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ ขอให้ตนช่วยนำรถที่มีอยู่ไปขายเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายทางคดี ทนายจึงนำรถ กุญแจ และเอกสารมาให้ตน พร้อมยืนยันว่า ผู้กำกับโจ้ ให้แฟนสาวเป็นคนตัดสินใจ ตนจึงช่วยเหลือ โดยให้ ร.ต.อ.ภานุรุจ บุตรชาย นำรถไปขายให้ จากนั้น เมื่อขายรถได้ก็นำเงินให้แฟนสาวของผู้กำกับโจ้

พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า ต่อมา ป.ป.ช. มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สิน ซึ่งเป็นรถยนต์หรูกว่า 13 คัน ที่ขายไปแล้วนั้น ตนต้องควักเงินส่วนตัวไปคืนคนที่ซื้อรถไป จากนั้น ก็นำรถเก็บไว้ระหว่างรอคำสั่งศาล ซึ่งปัจจุบันรถทั้งหมดยังอยู่ระหว่างถูกอายัดในประเทศไทย เพื่อรอคำสั่งศาลเด็ดขาด โดยถ้าหากศาลมีคำสั่งยึด ก็ต้องนำรถไปส่งให้กับศาล ดังนั้น ในเมื่อ ป.ป.ช. อายัดทั้งหมด ตนจะไปขโมยรถของผู้กำกับโจ้ทำไม

พล.ต.ต.เอกรักษ์ บอกด้วยว่า หากตำรวจสอบสวนกลางออกหมายเรียกตนไปสอบถามในเรื่องดังกล่าว ยินดีไปให้การทุกประเด็น ขอยืนยันว่า ไม่ได้ขโมยรถของอดีตผู้กำกับโจ้ตามที่ถูกพาดพิง ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะเดินไปขโมยรถได้ ส่วนกุญแจรถ เอกสารต่าง ๆ ผู้ที่นำมาให้ก็เป็นทนายความของผู้กำกับโจ้เอง และยังถามทนายด้วยว่า ได้เอกสารมาอย่างไร ทางทนายก็ระบุว่า ได้นำไปให้ผู้กำกับโจ้เซ็นในเรือนจำ ซึ่งตรงนี้คือพยานหลักฐานสำคัญว่า เอกสารมีลายเซ็นของผู้กำกับโจ้ หากไม่มีลายเซ็น ใครจะไปกล้าทำธุรกรรม และตนจะปลอมเอกสารเพื่ออะไร

พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ส่งผลต่อชื่อเสียงและครอบครัว จึงอยู่ระหว่างติดต่อทนายความให้ดำเนินการฟ้อง นายอัจฉริยะ และถ้านายอัจฉริยะจะฟ้องตน ตนก็พร้อมฟ้องกลับ ส่วนกรณีที่ เลขาธิการ ปปง. ต้องการให้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับประเด็นข้อครหาดังกล่าว ก็พร้อมทำหนังสือชี้แจงหากมีคำสั่ง ซึ่งทุกวันนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรองเลขาธิการ ปปง. ตามปกติ