อัจฉริยะ - เอกรักษ์ จ่อดำเนินคดีอีกฝ่าย ปล่อยคลิปเสียงแฉ!

View icon 71
วันที่ 7 เม.ย. 2566 | 07.11 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - ใช้คำว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เพราะวันนี้ นายอัจฉริยะ จะเดินหน้าทั้งแจ้งความเอาผิด พลตำรวจตรี เอกรักษ์ และยื่นหนังสือขอให้สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่ พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ก็ให้ทนายความรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมแจ้งความเพิ่มอีกคดี

นี่เป็นบางช่วงบางตอนของการสนทนาทางโทรศัพท์ อธิบายว่า รถที่เคยเป็นของ พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ถูกนำไปขายทอดตลาด ปัจจุบันดำเนินการอย่างไรบ้าง เงินที่ได้มานำไปใช้ในเรื่องไหน และยังเหลือรถอีกกี่คันที่ยังไม่ถูกขาย

และเป็นหลักฐานที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม รวบรวมให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำไปใช้ดำเนินคดีกับ พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ป.ป.ง. กับพวก ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันรับของโจร, ร่วมกันปลอมลายมือชื่อ และใช้เอกสารปลอม เพื่อดำเนินการขายทอดตลาดรถยนต์ของผู้กำกับโจ้ กว่า 10 คัน รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 25 ล้านบาทว่า ที่ก่อนหน้าที่ได้เข้ายื่นเรื่องกับตำรวจกองปราบฯ แล้ว แต่หลักฐานยังไม่ครบถ้วน จึงกลับไปรวบรวมเพิ่ม เพื่อเข้าแจ้งความเอาผิดอีกครั้งในช่วงใกล้เที่ยงของวันนี้

ซึ่งนอกจากความผิดที่เกี่ยวกับการซื้อขายรถของผู้กำกับโจ้แล้ว จะร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหารับสินบนเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา หลังได้รับหลักฐานสลิปการโอนเงินของนายภาคิน หนึ่งในขบวนการเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่พบมีการโอนเงินจำนวน 560,000 บาท ให้กับ พลตำรวจตรี เอกรักษ์ เมื่อครั้งที่ยังดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เมื่อปี 2564 ก่อนที่เว็บฯ พนันดังกล่าวจะถูกจับกุม

จากนั้นจะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ ป.ป.ง. ตรวจสอบข้อเท็จจริงรับสินบน และขอให้มีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ของ พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้อำนาจหน้าที่ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ขณะที่ทีมข่าวสอบถามเรื่องนี้กับ พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ก็ยอมรับว่าได้ให้ลูกชายนำรถไปขายจริง เพราะลูกชายทำกิจการเต็นท์รถมือสอง หากลูกชายดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ส่วนเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้กำกับโจ้ ให้ตนดำเนินการ ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่ามีทนายความของแฟนสาวของผู้กำกับโจ้ ดำเนินการเรื่องเอกสารให้ทั้งหมด ตนเองไม่ทราบที่มาของเอกสาร ส่วนเรื่องที่มีการพาดพิงทำให้ตนเองเสียหายอีก กำลังให้ทนายความรวบรวมหลักฐานเพื่อเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะเพิ่มเติมอีกหลังจากนี้

ทีมข่าวยังได้ลงพื้นที่ร้านล้างรถแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่นายอัจฉริยะกล่าวอ้าง แต่ไม่พบลูกชายของ พลตำรวจตรี เอกรักษ์ พบเพียงผู้ดูแลและพนักงานของร้าน ที่เล่าข้อมูลให้ฟังว่า รถที่นายอัจฉริยะกล่าวอ้างว่าเป็นของผู้กำกับโจ้นั้น หลายคันเป็นรถที่ซื้อมานานแล้ว โดยเฉพาะรถโฟล์ค สีเหลือง ซื้อมาก่อนปี 2564 และรถบางคันทีมีการเปิดเผย ก็ขายไปตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดคดีผู้กำกับโจ้ ด้วยซ้ำ

ส่วนที่ นายอัจฉริยะ อ้างว่ามีการสวมป้ายทะเบียนรถนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากป้ายทะเบียนเลขสวยบางป้าย เป็นป้ายที่ประมูลซื้อมาเอง เพื่อนำมาใส่รถขายต่อให้ลูกค้า แต่เมื่อลูกค้าไม่ซื้อจึงได้นำไปใช้กับรถยนต์คันอื่นที่อยู่ในความครอบครอง ไม่ใช่การสวมทะเบียนแต่อย่างใด ซึ่งข้อเท็จจริงทั้งหมดกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมนำไปใช้ชี้แจงตามที่ถูกกล่าวหา