น้ำตาร่วง! ชาวสวนทุเรียนป่าละอูเดือดร้อนหนัก ชลประทานส่งน้ำเข้าระบบน้อย ส่งผลทุเรียนยืนต้นตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และชาวบ้านที่ปลูกทุเรียนในป่าละอู กำลังเดือดร้อนหนัก เมื่อต้นทุเรียนกำลังทยอยยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก ทั้งดอก ลูกเล็ก ๆ ร่วงหล่น ใบแห้งกรอบ หลังโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำป่าละอู ปล่อยน้ำในปริมาณที่น้อยมากๆ จนส่งผลกระทบ บางช่วงหยุดปล่อยน้ำ ทำให้ปีนี้ผลผลิตทุเรียนป่าละอูของ หมู่ 3 เสียหาย และยังต้องเป็นหนี้สินจากค่ายา ค่าปุ๋ย ชาวสวนแต่ละรายหวังปีนี้เก็บเกี่ยวผลผลผลิตจะได้ใช้หนี้สิน ตอนนี้ชาวบ้านเกิดความเครียด วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายอำเภอ เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอหัวหิน ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำป่าละอู มาดูบ้าง น้ำมีเต็มอ่าง แต่สวนทุเรียนป่าละอู ขาดน้ำตายมันเกิดอะไรขึ้น
วันนี้ (10 เม.ย.66) นายนิติภูมิ ปัญญาหาญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านป่าละอู และชาวบ้านที่ปลูกทุเรียนป่าละอู ในหมู่ 3 บางส่วน ได้พาผู้สื่อข่าวดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสวนทุเรียนซึ่งขาดน้ำ และส่งผลให้ต้นทุเรียนบางส่วนยืนต้นตาย บางส่วนกำลังจะตาย บางส่วนที่ออกดอก ออกลูกขนาดเล็กได้ร่วงหล่น สาเหตุเกิดจากกรมชลประทานก่อสร้างโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำป่าละอู และเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำ ที่ใช้กาลักน้ำออกจากอ่างบ้านป่าเลา มาตามลำรางธรรมชาติและไหลลงสู่รางน้ำที่หมู่ 3 บ้านป่าละอู
โดยชาวบ้านสามารถใช้น้ำได้ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค และต่อท่อเข้าไปรดน้ำในสวนทุเรียนได้ แต่พอมีการสร้างอ่างเก็บน้ำแห่งใหม่ ผ่านมาหลายเดือนและทางชลประทาน ได้แจ้งขอหยุดการส่งน้ำผ่านระบบกาลักน้ำ ชั่วคราว ซึ่งทั้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นเป็นเวลาสั้น แต่ปรากฏว่ากลับไม่มีการปล่อยน้ำตามเดิม จนส่งผลให้ไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงสวนทุเรียน จนเกิดความเสียหายในครั้งนี้
นายนิติภูมิ กล่าวต่อว่า 3 วันที่ผ่านมา ชาวบ้านที่เดือดร้อนได้ไปเจรจาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ที่โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำป่าละอู แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นจนต้องพึ่งสื่อมวลชน เนื่องจากชาวบ้านที่ปลูกทุกเรียนป่าละอู ได้รับความเสียหายอย่างหนักมาก
“ในเวลานี้พื้นที่เสียหาย ไม่สามารถบอกได้ว่ากี่ร้อยไร่ กี่ร้อยต้น อยากให้ผู้เกี่ยวข้องลงมาดูสภาพจริงๆ มากกว่า ประกอบกับยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือรับผิดชอบชาวบ้านแต่อย่างใด และอยากฝากให้หน่วยเกี่ยวข้องเข้ามาดูและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ รวมทั้งสามารถช่วยเหลือเยียวยาช่วยเหลือชาวบ้านที่ปลูกทุเรียนป่าละอูที่ได้รับผลกระทบอย่างไรได้บ้าง เนื่องจากชาวบ้านแต่ละสวนก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนซื้อปุ๋ยยาในการบำรุงต้นทุเรียนบางครอบครัวเป็นแสนบาท และหวังเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่ายในช่วงเดือนกรกฎาคม- สิงหาคม แต่ตอนนี้เมื่อเสียหายแบบนี้ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากหนี้สิน” นายนิติภูมิ ระบุ
นายพลกฤต วลัยสิน นายอำเภอหัวหิน ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนทุเรียนหมู่ 3 บ้านป่าละอู และได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปยังชลประทานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากชาวสวนทุกเรียนในหมู่บ้านดังกล่าว ขาดแคลนน้ำบริโภค และการเกษตรเป็นหลักโยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ตามแนวเส้นทางน้ำห้วยป่าเลา พบว่าปัญหาน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวันที่ส่งมา และจะหมดในช่วงก่อนเที่ยงขอแต่ละวัน ทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ที่เป็นผลไม้ขึ้นชื่อสร้างรายได้ ทางอำเภอหัวหินของให้ทางชลประทานเพิ่มปริมาณการส่งน้ำ และเพิ่มระยะเวลาการปล่อยน้ำให้เร็วขึ้นจากเดิม 3-4 ชั่วโมงในแต่ละวัน เพื่อแก้ไขและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านหมู่ 3 บ้านป่าละอู
ขณะที่ น.ส.เจนอนงค์ ศรีชาติ อายุ 34 ปี เกษตรกรผู้ปลูกทุกเรียนป่าละอู และชาวสวนรายอื่นๆ กล่าวทั้งน้ำตานองหน้า ว่าปกติน้ำจะไหลออกจากอ่างป่าเลาด้วยวิธีลักน้ำ ที่ชาวบ้านทำเอาไว้โดยตลอดไหล ปีที่ผ่านมาไม่เคยเจอปัญหา แต่พอมีการสร้างอ่างเก็บน้ำป่าละอู ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้มีการปิดการใช้น้ำชั่วคราวมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ส่งผลกระทบกับชาวสวนทุเรียนดอกร่วง ลูกร่วง ยืนต้นตาย และบางส่วนกำลังจะตายในขณะนี้ ซึ่งแต่ละสวนชาวบ้านต้องลงทุนสูงในการปลูกทุเรียนป่าละอู ส่วนใหญ่ต้องไปเซ็นปุ๋ย ยาต่างๆ จากร้านค้าตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาท เมื่อมาเจอปัญหาแบบนี้ เราจะเอาเงินที่ไหนไปใช้คืนเขาในเมื่อโอกาสที่จะตัดทุเรียนขายในปีนี้ไม่มีแล้ว
“ตอนนี้สิ่งสำคัญ เราต้องการเอาน้ำมาให้ได้ เพื่อนำไปใช้กับต้นที่ยังพอมีโอกาสที่จะรอด พยามฟื้นต้นที่เหลือให้ดีขึ้น ถึงแม้ผลผลิตจะไม่มีก็ตาม นี่คือความหวังของพวกเรา ยอมรับว่ารู้สึกเสียดายและสูญเสียกับปัญหาน้ำที่ไม่ส่งมา ยอมรับว่าทั้งเครียดและน้ำตาร่วง เราพากันไปที่โครงการอ่างเก็บน้ำป่าละอู หลายรอบเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ ถามเขาว่าทุเรียนตายใครจะรับผิดชอบ ก็ไม่มีคำตอบ วันนี้หมดหนทางถึงต้องพึ่งสื่อมวลชน เราเป็นชาวสวนรายเล็ก บางสวนมีทุเรียนเกือบ 100 ต้น ตายไปครึ่งหนึ่งแทบจะล้มแล้ว” น.ส.เจนอนงค์ กล่าว
ชาวสวนทุเรียนหมู่ 3 บ้านป่าละอู อีกหลายรายกล่าวด้วยว่า พื้นที่แห่งนี้ ชาวสวนทุกคนทำกินอยู่ในโครงการตามพระประสงค์หมู่บ้านสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ ป่าละอู หนองพลับ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานที่ดินทำกิน ให้พวกเรามีที่อาศัยกันอยู่ในพื้นที่ป่าละอูแห่งนี้มาช้านานแล้ว อีกทั้งทุเรียนป่าละอู ก็เป็นที่ขึ้นชื่อของผู้บริโภค มีนักท่องเที่ยวเข้ามาทุกปีสร้างรายได้เข้าหมู่บ้านและชุมชน ตลอดจนเราซึ่งเป็นเจ้าของสวนในทุกๆ ปี ที่ผ่านมาแต่มาวันนี้กับไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งที่สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกทุเรียนกัน