จ.ส.ท. อ้างไม่ได้แฮ็กข้อมูล แต่ซื้อจากเว็บฯ ใต้ดิน

สนามข่าว 7 สี - "จ่าสิบโท" ที่อ้างแฮ็กข้อมูลส่วนตัวคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อ เข้ามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เจ้าตัวฝากขอโทษคนไทยที่ทำให้ตื่นตระหนก ยืนยัน ไม่ได้แฮ็กระบบ และไม่มีข้อมูลหลุดไปจากตนเอง

เป็นคำขอโทษของ จ่าสิบโท เขมรัตน์ ระหว่างให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และรับทราบ 2 ข้อหา ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวขึ้นรถไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลทหาร โดยศาลทหารรับฝากขังตามคำร้องส่งเข้าเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11

พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ สอท. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ อ้างว่าได้เข้าไปเว็บไซต์ใต้ดินที่ชื่อ "Bleach Forums" ที่กลุ่มแฮ็กเกอร์นิยมซื้อขายข้อมูล เพื่อดูว่ามีข้อมูลของตัวเองหลุดไปในอินเทอร์เน็ตหรือไม่ ก่อนจะขอซื้อบันทึกข้อมูลส่วนตัวคนไทย จำนวน 8 ล้านข้อมูล จ่ายเงินไป 8,000 บาท แล้วพบว่ามีข้อมูลส่วนตัวอยู่จริง จึงส่งข้อความไปหาเจ้าของข้อมูลจนกลายเป็นกระแสขึ้นมา หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปตามสถานที่ต่าง ๆ และยืนยันว่าทั้งหมดลงมือเพียงคนเดียว

ส่วนการตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหา พบอุปกรณ์ก่อเหตุ เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล หรือ ฮาร์ดดิสก์ 7-8 ตัว และอุปกรณ์กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหามีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ ตรงตามที่จบปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และสนใจด้านนี้เป็นพิเศษ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูล IP ADDRESS และภาพวงจรปิด ยืนยันว่าผู้ต้องหาใช้ที่พักเป็นสถานที่กระทำผิดเพียงแห่งเดียว ไม่พบความเชื่อมโยงกับสถานที่หรือบุคคลอื่น ส่วนเส้นทางการเงินเปรียบเทียบกับภรรยาที่เป็นพยาบาล ก็ไม่พบผิดปกติ เพราะเงินในบัญชีเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ จากพฤติกรรมของผู้ต้องหา พบว่ามีเจตนากระทำผิด 3 ครั้ง ครั้งแรกประกาศขายข้อมูล ที่ใช้ข้อมูลของผู้มีชื่อเสียงสร้างกระแสทำให้เกิดความตื่นตระหนก, ต่อมาได้เบี่ยงเบนให้เป็นเรื่องการเมือง และหลบหนีการจับกุมไปจังหวัดเชียงราย ส่วนที่มาของเว็บฯ ใต้ดิน ยังต้องรอการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพราะมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศ และจากข้อมูลทางการสืบสวนยังไม่พบว่า ภรรยา และผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหา เข้าไปเกี่ยวข้อง

ด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DES ยืนยันว่า การกระทำผิดของผู้ต้องหาไม่ใช่การแฮ็กข้อมูล ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐได้สร้างระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลเป็นอย่างดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย ส่วนจะมีข้อมูลรั่วไหลจากหน่วยงานรัฐในอดีตหรือไม่นั้น ไม่ทราบรายละเอียด