ป่วยความดันเลือดออกในสมอง สาววัย 34 ปี บริจาคอวัยวะส่งต่อหัวใจ ตับ ไต ดวงตา ช่วยต่อหลายชีวิต

ป่วยความดันเลือดออกในสมอง สาววัย 34 ปี บริจาคอวัยวะส่งต่อหัวใจ ตับ ไต ดวงตา ช่วยต่อหลายชีวิต

View icon 3.1K
วันที่ 19 เม.ย. 2566 | 08.36 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ภาคภูมิใจในความสูญเสีย พ่อแม่สานต่อเจตนาของลูกสาว วัย 34 ปี ป่วยความดันเลือดออกในสมอง บริจาคอวัยวะ ส่งต่อหัวใจ ตับ ไต และดวงตา ช่วยต่อลมหายใจได้อีกหลายชีวิต ตอนที่ลูกยังมีชีวิตบริจาคเลือดช่วยเหลือสังคมมาตลอด ลูกเป็นอภิชาติบุตร พ่อเองยังทำได้ไม่เท่าลูก ขอให้กุศลใหญ่นี้นำพาไปสู่สุคติในสัมปรายภพ

กุศลใหญ่ครั้งสุดท้ายของชีวิต วานนี้ (18 เม.ย.66) โรงพยาบาลศิริราช ได้จัดสีงทีมแพทย์มาผ่าตัด หัวใจ ตับ ไต และดวงตา ที่ ห้องผ่าตัด ศัยกรรมหัวใจ ทรวงอก และปลูกถ่ายอวัยวะ รพ.สงขลานครินทร์หาดใหญ่ (มอ.) เพื่อผ่าตัดเก็บอวัยวะของ น.ส.พิชญะ สุวารักษ์ ผู้บริจาคอวัยวะ อายุ 34 ปี ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าสมองตาย โดยทีมแพทย์ได้ทำพิธีขอขมา ขอโหสิกรรม ยกย่องผู้เสียชีวิตที่มอบอวัยวะช่วยต่อลมหายใจให้กับอีกหลายชีวิต และรีบออกเดินทางนำอวัยวะไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศิริราช

รศ.ดร.พญ มณฑิรา ตัณฑนุช รอง ผอ.โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 34 ปี ได้บริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทย เมื่อมีอาการสมองตาย แพทย์ได้ผ่าตัดนำอวัยวะที่ได้บริจาคไว้ คือ หัวใจ ตับ ไต และดวงตา ไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ โดย รพ.สงขลานครินทร์ ได้ส่งน้ำเหลืองของผู้บริจาคไปที่สภากาชาด เพื่อตรวจเปรียบเทียบว่าเนื้อเยื่อเข้ากับผู้รอรับบริจาคคนใดมากที่สุด และได้แจ้งไปยังโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะ ให้ส่งทีมแพทย์เข้ามาผ่าตัดหัวใจและตับ หากเป็นไตสามารถให้ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลอื่นๆ ผ่าตัดเก็บอวัยวะได้

ทางด้านครอบครัวของผู้บริจาคอวัยวะ นายโตมร สุวารักษ์ บิดา อายุ 67 ปี อาชีพครูบำนาญ และนางภาษี สุวารักษ์ มารดาอายุ 64 ปี เผยว่ามีลูกสาวเพียงคนเดียว ลูกสาวได้ลงทะเบียนบริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดตั้งแต่ปี 60 ต่อมาลูกสาวป่วยกะทันหัน โดยที่พ่อและแม่ก็ไม่คาดคิด เนื่องจากลูกสาวมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ที่ผ่านมาช่วยเหลือสังคมด้วยการบริจาคโลหิตกับสภากาชาดมาโดยตลอด กระทั่งลูกสาวป่วยเป็นโรคความดัน มีเลือดออกในสมอง สาเหตุเกิดจากเส้นเลือดโป่งพองในสมองทำให้สมองตาย

“พ่อและแม่จึงตัดสินใจดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของลูกที่ขอไว้ คือ บริจาคอวัยวะ พ่อและแม่ได้แต่ภาคภูมิใจในตัวลูกสาว และขอยกย่องลูกเป็นอภิชาตบุตร ตลอดเวลาที่ลูกทำความดีช่วยเหลือคนอื่น พ่อเองยอมรับว่ายังทำได้ไม่เท่าลูกเลย”