ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จากที่รายการถกไม่เถียง ได้พาผู้เสียหายในคดีที่ถูก นางแอม ผู้ต้องสงสัยวางยา จนเสียชีวิต ขณะไปทำบุญปล่อยปลา และนำทรัพย์สินหนีไป ล่าสุดตอนนี้ เรื่องนี้ได้เป็นประเด็นใหญ่ไปแล้ว เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตมากถึง 10 ราย จากการเกี่ยวข้องกับ นางแอม
เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นางสาวแอม ได้แล้ว ที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากนั้นได้นำตัว นางแอม มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม จนกระทั่งเมื่อกลางดึก มีรายงานว่า นางแอม มีอาการไม่ค่อยดี ความดันโลหิตสูงถึง 170-220 ต้องมีการวัดความดันอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจเรียกเจ้าหน้ากู้ชีพจากศูนย์เอราวัณ เข้ามาตรวจสอบอาการอย่างเร่งด่วน ผลการตรวจค่อนข้างจะน่าวิตก เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจส่งตัว นางแอม เข้าไปรับการดูแลที่โรงพยาบาลตำรวจทันที จนล่าสุดอาการได้ดีขึ้น จึงนำตัวกลับมาฝากขำไว้ที่กองบังคับการปราบปรามเช่นเดิม
ทางด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกโรงพัก อาทิ สภ.ลูกแก สภ.เมืองนครปฐม สภ.บ้านโป่ง และ สภ.เมืองอุดรธานี เป็นต้น บางท้องที่เหตุเกิดซ้ำกัน 2 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ดังนั้น สิ่งที่สามารถเกี่ยวข้องได้ทันที หรือ เชื่อมโยงได้คือการผ่าชันสูตรศพ วันนี้จึงมีพยานหลักฐานจากแพทย์ยืนยันว่าน่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมและอายัดตัวผู้ต้องหาได้ และวันศุกร์ที่ 28 เมษายนนี้ จะนำข้อมูลทั้งหมดมาดูว่าน่าจะออกหมายจับเพิ่มเติมได้แค่ไหน และเป็นคดีใดบ้าง ส่วนศพที่มีการชันสูตรพลิกศพ มี 3 ศพ เป็นในพื้นที่นครปฐม 2 ศพ และสามพราน 1 ศพ ส่วนจะออกหมายจับจากเหตุนี้หรือไม่จะต้องสอบปากคำแพทย์ผู้ชันสูตรศพก่อน สำหรับศพที่ไม่ได้ผ่าชันสูตรศพจะเป็นอุปสรรคนิดหน่อย แต่เรายึดเอาพฤติการณ์แวดล้อม เพราะผู้ต้องหาทำคล้ายกันหมด คือ มีการกินข้าวแล้วก็เสียชีวิต หรือดื่มน้ำแล้วก็เสียชีวิต ดังนั้น ในส่วนของตำรวจ เราคัดค้านการประกัน และเชื่อว่าศาลก็คงไม่ให้ประกันตัวเนื่องจากเป็นการกระทำต่อเนื่อง
และเมื่อสักครู่จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาไม่ให้ข้อมูลใด ๆ มีร้องไห้นิดหน่อย แต่ยอมรับว่ารู้จักผู้เสียชีวิตทุกราย ส่วนผู้ที่เกือบเสียชีวิตรายที่ 11 นี้ เป็นลมและแฟนหนุ่มช่วยเหลือทัน เราจะมีการเรียกมาสอบปากคำเช่นกัน
ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ ตำรวจได้ควบคุมตัว นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาคดีวางยาฆ่าผู้อื่น มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหามีอดีตสามีเป็นข้าราชการตำรวจ เกรงว่าจะไปข่มขู่พยาน และยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
วันนี้ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานภาค 7 ได้นำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส ของ นางสาว สรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม และรถเก๋งยาริส สีขาว ของ นางสาวศิริพร ขันวงศ์ หรือ ก้อย ผู้เสียชีวิต มาทำการตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ภายในรถให้อย่างละเอียด และเมื่อช่วงเช้าตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ นางสาวแอม ขับมาทำธุระที่ศูนย์ราชการ
เปิดไทม์ไลน์ 8 ศพ ตายปริศนา เกี่ยวข้องกับ แอม ผู้ต้องสงสัยวางยาฆ่าประสงค์ต่อทรัพย์
รายที่ 1 ชื่อ ฟ้า เสียชีวิตที่บ้านพักในจังหวัดนครปฐม สาเหตุการเสียชีวิตหัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจไม่ทำงาน
รายที่ 2 นายสุรัตน์ ทรพับ (บี) เสียชีวิตที่บ้านพักในจังหวัดกาญจนบุรี สาเหตุการเสียชีวิตหลอดเลือดหัวใจตีบ
รายที่ 3 ชื่อ ร้อยตำรวจเอกหญิงกานดา โตโร่ เสียชีวิตหน้าห้างโกบอล จังหวัดนครปฐม สาเหตุการเสียชีวิตหัวใจล้มเหลว ผู้เสียชีวิตสนิทสนมกับแอม ชวนลงทุนเล่นหุ้น จากนั้นพาไปทำบุญ และเสียชีวิต
รายที่ 4 นางจันทร์รัตน์ วงศไกรสิณ เสียชีวิตที่บ้านพักในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต
รายที่ 5 นางสาวกะณิกา ตุลาเดชารักษ์ เสียชีวิตที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดราชบุรี สาเหตุการเสียชีวิตเลือดออกในสมอง ผู้เสียชีวิตรายนี้เป็นข้าราชการครู มีการนำทองรูปพรรณน้ำหนัก 30 บาท ไปให้กับนางสาวแอม ลงทุนธุรกิจเงินกู้และวงแชร์
รายที่ 6 นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ (แด้) เสียชีวิตที่บ้านพักในจังหวัดอุดรธานี สาเหตุการเสียชีวิตหัวใจวายเฉียบพลัน ผู้เสียชีวิตรายนี้สนิทสนมกับนางสาวแอม ชวนกันไปทำบุญแล้ววูบ กลับมาเสียชีวิตที่บ้าน
รายที่ 7 พันตำรวจตรีหญิงนิกา แสงจันทร์ เสียชีวิตที่องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม สาเหตุการเสียชีวิตหัวใจล้มเหลว เสียชีวิตขณะไปทำบุญกับนางสาวแอม
รายที่ 8 นางสาวศิริพร ขันวงษ์ (ก้อย) เสียชีวิตที่ท่าน้ำ จังหวัดราชบุรี สาเหตุการเสียชีวิตหัวใจล้มเหลว เสียชีวิตขณะไปทำบุญกับนางสาวแอม แล้ววูบหมดสติ ผู้เสียชีวิตรายนี้ลงทุนเล่นแชร์กับนางสาวแอม มีทรัพย์สินหายไปกว่า 700,000 บาท
รายที่ 9 อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
รายที่ 10 รอดชีวิตมาได้หวุดหวิด สามีช่วยนำส่งโรงพยาบาลทัน ตำรวจกำลังติดต่อเรียกเข้ามาให้ปากคำ
รายที่ 11 อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทางด้าน ส.อ.เอกพันธ์ ลายกิ่ง หัวหน้ากู้ภัยส่งเสริมธรรม กู้ภัยเปิดใจช่วย นายแด้ ผู้เสียชีวิตรายที่ 6 เล่าให้ฟังว่า วันนั้นจำได้ว่าวันที่ 12 มีนาคม 2566 หน่วยกู้ภัยส่งเสริมธรรมฯ รับแจ้งเหตุจาก 1669 เวลา 08.30 น.ว่ามีคนเป็นล้มหมดสติ น่าจะเสียชีวิตที่ปั๊มน้ำมัน แถวหนองสระหนาย เมื่อไปถึงก็พบผู้ประสบเหตุเป็นชาย มีสักลายเต็มตัว มีเลสทองที่ข้อมือซ้าย โดยมีผู้หญิงใส่ชุดสีเหลืองแสดงความเป็นห่วงใยอยู่ใกล้ ๆ คาดว่าจะมีภรรยา ส่วนผู้ประสบเหตุ นอนหงายหมดสติที่ทางเข้าห้องน้ำ เหงื่อออก ตัวเย็น ปัสสาวะราดที่กางเกง ตัวผู้ประสบดูสะลึมสะลือ ยังหายใจได้ พูดได้สั้น ๆ ว่าแน่นหน้าอก ดูแล้วอาการไม่รุนแรงมาก ตนเองจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลหนองหาน เพื่อให้การช่วยเหลือเร่งด่วน ต่อมาหมอดูอาการแล้วไม่เป็นอะไรมาก จึงปล่อยให้กลับบ้าน
เท่าที่สังเกตดูภรรยาเขาที่มาด้วยกัน มีสีหน้าตกใจเหมือนเป็นห่วงเป็นใยกัน ไม่มีอะไรผิดสังเกตว่าจะวางยา แต่ตอนนี้พอมาเห็นข่าว ตนเองรู้สึกสลดใจและช็อคมาก สงสารผู้ประสบเหตุวันนั้น และตั้งแต่ทำกู้ภัยมา 15 ปี เพิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ยังไม่เคยเจอ
วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านของนางแอม ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยพบว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังสีเขียว ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวแอม และแฟนหนุ่มถูกปิดเงียบ
ลักษณะคล้ายกับไม่มีคนอยู่มาเป็นเวลานาน ส่วนบ้านพ่อของนางสาวแอมนั้น มีการนำรั้วเหล็กมากั้นทางเข้าด้านหน้า ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์เพื่อจะขอเข้าไปพูดคุยกับพ่อของนางสาวแอม แต่ถูกปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลใด ๆ กับผู้สื่อข่าว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และได้พูดคุยกับนายศักดิธัช อารีรอบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่1 ตำบลท่ามะกา โดย นายศักดิธัช ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนางสาวแอม เพิ่งจะมารู้จักกันเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ที่นางสาวแอมพร้อมด้วยพ่อและแม่ มาขอให้ตนเซ็นเอกสารรับรองเรื่องการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งหลังจากตนเซ็นเอกสารไปให้ นางสาวแอม ก็ยังเคยคุยว่าตัวเองมีสามีเป็นตำรวจ หากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็สามารถบอกได้
ด้านนางสาวพรทิพย์ ศรีวลีรัตน์ อายุ 63 ปี เพื่อนสนิทพ่อของนางสาวแอม ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ นางสาวแอม เป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัว ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร เมื่อโตขึ้น เรียนจบและแต่งงานมีครอบครัวก็ย้ายไปอยู่กับสามีและลูก ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ เคยพบหน้ากันครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ที่นางสาวแอม มาเซ็นเอกสารกู้เงินกองทุนหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังแฟลตตำรวจของสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ซึ่งนางสาวแอม และสามีเคยพักอาศัยอยู่ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับคุณบี แม่ค้าส้มตำที่อยู่หน้าแฟลตตำรวจ ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า นางสาวแอม และสามี เคยพักอาศัยอยู่ที่แฟลตแห่งนี้จริง โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวปลูกอยู่ติดกับแฟลตตำรวจ ซึ่งหลังจากสามีของนางสาวแอม มีคำสั่งให้ย้ายไปเป็นรองผู้กำกับที่จังหวัดราชบุรี ทั้งสองคนก็ย้ายออกไปทันที แต่ยังคงมีข้าวของอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าวอยู่ นอกจากนี้ ที่แฟลตตำรวจแห่งนี้ก็ยังมี สารวัตรนุ้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่คาดว่าน่าจะถูกวางยา อาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน ตามปกตินางสาวแอม จะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าว ได้พูดคุยกับพ่อของสารวัตรนุ้ย หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ยอมรับว่า หลังทราบข่าวที่ลูกสาวเสียชีวิตก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ตามที่มีการชันสูตรพลิกศพ แต่หลังจากได้เห็นข่าวของนางสาวแอม ก็เริ่มมีข้อสงสัยในสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกสาวตน
ซึ่งล่าสุด ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่จังหวัดนครปฐม ได้ติดต่อขอนำเอาโทรศัพท์มือถือ พร้อมด้วยคอมพิวเตอร์ Notebook และ smart watch ของสารวัตรนุ้ย ไปตรวจสอบหาข้อมูลความเชื่อมโยงกับนางสาวแอม ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้อีกครั้ง ตนก็ได้นำไปมอบให้เพื่อให้ทางตำรวจตรวจสอบหาข้อมูลเรียบร้อยแล้วเช่นกัน