นายเกษม เล่าว่า แมงมันเป็นแมลงท้องถิ่น ปีหนึ่งจะออกเพียงครั้งเดียวในช่วงประมาณเดือนเมษายน การหาแมงมันจะต้องหาตามธรรมชาติ ตามบ้านเรือนประชาชน พื้นที่สวนไร่นาหรือในพื้นที่ป่า แต่ปัจจุบันหาได้ค่อนข้างยากแล้ว ทำให้แมงมันที่หาได้จะมีราคาที่สูง เฉพาะตอนเป็นไข่จะมีราคาถึง 2,000-3,000 บาทต่อกิโลกรัม และเมื่อฟักเป็นตัวแล้วจะมีราคาสูงกิโลกรัมละ 1,500-2,000 บาท ปัจจุบันราคายังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงมีแนวคิดนำแมงมันจากธรรมชาติมาเพาะเลี้ยง เพื่อจะได้มีไข่และตัวแมงมันรับประทานได้เอง ไม่ต้องออกไปหาตามธรรมชาติ
สำหรับการเพาะเลี้ยงแมงมันนั้น นายเกษม บอกไม่ได้ยุ่งยากอะไร มีขั้นตอนง่ายเพียงแค่ไปเก็บตัวแม่พันธุ์หรือที่เรียกว่าตัวนางพญา ที่ได้รับการผสมพันธ์แล้วมาจากธรรมชาติ และนำมาเพาะเลี้ยงในแก้วพลาสติกที่บรรจุดินเอาไว้ เพื่อให้แมงมันได้วางไข่ จากนั้นก็ย้ายลงไปเพาะเลี้ยงต่อในบ่อท่อซีเมนต์ขนาด 60-80 เซนติเมตร หรืออาจใช้ยางรถยนต์เก่าซึ่งจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าที่ใส่ดินเอาไว้ โดยใช้ดินจะเป็นดินร่วน ผสมกับปุ๋ยหมักและเปลือกไข่เล็กน้อย โดยให้ใส่เพียงบ่อละ 1 ตัวเท่านั้น หากใส่หลายตัวก็จะกัดกันตายได้ อาหารที่ให้ก็อาจเป็นเศษอาหารเศษเนื้อ เศษกระดูก เศษเนื้อปลาหรืออาหารปลาเล็ก ซึ่งให้ครั้งเดียวก็จะอยู่ได้ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นก็รอเวลาตัวลูกเพาะเลี้ยงให้เกิดตัวนางพญาขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก
“การลงทุนอยู่จะมีราคาไม่สูง เฉพาะแม่พันธุ์จะอยู่ที่ประมาณ 300 บาท บ่อเลี้ยงหากใช้ยางรถยนต์เส้นละ 20 บาท ใช้ 2 เส้นประมาณ 40 บาท รวมแผ่นซีเมนต์ใช้รองพื้นไม่ให้แม่พันธุ์ออกไปไหน รวมประมาณ 130 บาทต่อบ่อ แต่สามารถให้ตัวแมงมันบ่อละ 1-2 กิโลกรัม บางบ่อเลี้ยงอาหารดีๆ บ่อธรรมชาติสามารถเก็บแมงมันได้ถึง 3 กิโลกรัมเลยทีเดียว” นายเกษม กล่าว
ปัจจุบัน นายเกษมทดลองเพาะเลี้ยงแมงมันเป็นปีที่ 2 แล้ว ซึ่งได้ทดลองเพาะเลี้ยงอยู่จำนวน 6 บ่อ พบว่าประสบความสำเร็จ สามารถเก็บแมงมันไว้รับประทานได้ทุกปี
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเพาะเลี้ยงแมงมันซึ่งถือเป็นสัตว์ เศรษฐกิจ ตัวใหม่สามารถไปศึกษาดูงานได้ที่ บ้าน นายเกษม พิณสาร หมู่บ้าน สันเครือฟ้า หมู่ 11 ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โทร. 086 184 1043
