ประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ : เตรียมสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนก่อนถอนเงิน

View icon 627
วันที่ 4 พ.ค. 2566 | 22.23 น.
ประเด็นเด็ด 7 สี
แชร์
ประเด็นเด็ด 7 สี - ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้ที่จะโอนเงิน 50,000 บาทขึ้นไป หรือ ปรับวงเงิน ผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ต้องยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า หรือ ไบโอเมทริกซ์ เพื่อยกระดับความปลอดภัย ป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเป็นไปตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ติดตามรายละเอียดเรื่องนี้กันอีกครั้งกับ คุณธัญนันท์ เหล่าบุรินทร์ ในประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ

ไบโอเมทริกซ์ ที่ว่า นั่นก็คือการสแกนใบหน้าเพื่อทำธุรกรรมการเงินผ่านออนไลน์ ซึ่งช่วงนี้บรรดาธนาคาร ทั้งธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจ เริ่มเรียกผู้ใช้บริการเข้าไปแสดงตัว หรือ อัปเดตข้อมูลให้พร้อมสำหรับการเข้าใช้ระบบ เชื่อว่าน่าจะเป็นช่องทางหนึ่ง ที่สกัดกั้นการทำงานของเหล่ามิจฉาชีพได้

เป็นแนวนโยบายที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดขึ้นมา จัดการภัยทุจริตทางการเงิน ปิดช่องทางไม่ให้มิจฉาชีพเข้าถึงประชาชน ด้วยการนำเทคโนโลยี ไบโอเมทริกซ์ หรือ การเปรียบเทียบข้อมูลอัตลักษณ์ทางกายภาพของลูกค้ามาใช้ เมื่อลูกค้าทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking ในวงเงินที่มากกว่า 50,000 บาทต่อวัน รวมถึงการขอเปิดบัญชีใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน ที่ไม่เพียงป้องกันการโจรกรรมเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นการสกัดกลุ่มผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้าไปในตัวอีกด้วย

คราวนี้มารู้จักการทำงานของ ไบโอเมทริกซ์ แบบคร่าว ๆ กัน มีด้วยกัน 5 ขั้นตอน คือ 1.การรวบรวมอัตลักษณ์ของบุคคล เช่น ใบหน้า ลายนิ้วมือ ด้วยอุปกรณ์รับข้อมูลต่าง ๆ และแปลงให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 2.การประมวลอัตลักษณ์ เช่น ระยะห่างระหว่างดวงตา หางคิ้ว ความกว้างริมฝีปาก 3.การเก็บข้อมูล เช่น ชื่อ นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบอัตลักษณ์ของบุคคลนั้น 4.การเปรียบเทียบอัตลักษณ์ เป็นขั้นตอนการเปรียบเทียบข้อมูลที่ต้องการ พิสูจน์ หรือ ยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการ และ 5.การตัดสินใจ เป็นขั้นตอนแสดงผลลัพธ์จากการเปรียบเทียบอัตลักษณ์ของบุคคล เพื่อตัดสินว่าเป็นบุคคลนั้นจริงหรือไม่

ไบโอเมทริกซ์ ช่วยลดโอกาส การทุจริตจากการปลอมแปลงตัวบุคคลได้แม่นยำขึ้นก็จริง แต่ก็ยังต้องระวัง การปลอมแปลงอัตลักษณ์ เช่น การใส่หน้ากากหลอกอุปกรณ์รับข้อมูล, การใช้วัสดุเทียมเลียนแบบลายนิ้วมือ, การใช้ภาพที่บันทึกไว้แทนตัวบุคคล, การดักจับข้อมูล หรือ การแทรกแซงการทำงานของระบบ ที่ลดทอนประสิทธิภาพการตัดสินใจของระบบ ทำให้ประมวลผลผิดพลาด

ซึ่งสถาบันการเงินทุกแห่ง ต้องยึดแนวปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อยกระดับความเข้มงวดการยืนยันตัวตนขั้นต่ำ เพื่อปูทางไปสู่เป้าหมาย ลดการใช้เงินสดในระยะยาว ภายใต้แผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงินปี 2565-2567 โดยสนับสนุนให้ช่องทางดิจิทัล เป็นทางเลือกหลัก ในการใช้จ่ายของประชาชน

นอกเหนือจากความปลอดภัยทางการเงินแล้ว หากอนาคตไทยจะใช้ระบบดิจิทัลเป็นช่องทางหลักในการทำธุรกรรมการเงิน เรื่องค่าธรรมเนียม ก็เป็นอีกสิ่งที่ประชาชนอย่างเรา ๆ กังวลไม่น้อย เพราะล้วนแต่เป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้เอื้อประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการมากที่สุดด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง