สหราชอาณาจักร ได้จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้า "ชาร์ลส์ที่ 3" และสมเด็จพระราชินี "คามิลลา" แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ อย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติที่สุดในรอบ 70 ปี
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้า "ชาร์ลส์ที่ 3" และสมเด็จพระราชินี "คามิลลา" แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เริ่มขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้า "ชาร์ลส์ที่ 3" และสมเด็จพระราชินี "คามิลลา" ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยราชรถ "พัชราภิเษก" จากพระราชวัง "บักกิงแฮม" ไปยังมหาวิหาร "เวสต์มินสเตอร์" ตามเส้นทางถนนเดอะมอลล์ เข้าสู่จตุรัส "ทราฟัลการ์" เลี้ยวเข้าถนนไวต์ฮอลล์ และถนนรัฐสภา ไปยังประตูใหญ่ทางทิศตะวันตกของมหาวิหาร "เวสต์มินสเตอร์" ท่ามกลางพสกนิกรที่มาเฝ้ารอทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จตลอดสองข้างทาง
โดยขบวนเสด็จไปถึงมหาวิหาร "เวสต์มินเตอร์" ก่อนเวลา 11.00 น. ตามเวลาในท้องถิ่น และเริ่มพระราชพิธีตามขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ถือปฎิบัติกันมายาวนานกว่า 1,000 ปี ตามขั้นตอนการรับรองฐานะความเป็นกษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้า "ชาร์ลส์ที่ 3" และทรงกล่าวคำสัตย์ปฎิญานว่า จะทรงพิทักษ์รักษากฎหมายของแผ่นดิน และทรงวางพระหัตถ์ลงบนคัมภีร์ "ไบเบิล" ระหว่างตรัสคำสัตย์ปฎิญาน และทรงลงพระนาม จากนั้น มีการนำเครื่องราชกุธภัณฑ์ต่าง ๆ มาใช้ในพิธี ทั้งสวมฉลองพระองค์คลุม ลูกโลกประดับกางเขน พระคฑานกพิราบ และแหวนจักรพรรดิ และเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์
โดยขั้นตอนสำคัญ ซึ่งถือเป็นหัวใจของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือการถวายการสวมพระมหามงกุฎ "เซนต์ เอ็ดเวิร์ด" (ซึ่งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีพระชนมพรรษา 74 พรรษา ทำให้พระองค์จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของสหราชอาณาจักรที่มีพระชนมายุมากที่สุด ที่ทรงสวมพระมหามงกุฏ "เซนต์เอ็ดเวิร์ด" ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 360 ปี) และขึ้นประทับบนพระราชอาสน์ "เซนต์เอ็ดเวิร์ด" ในมหาวิหาร "เวสต์มินสเตอร์" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ
พร้อมการยิงสลุตเฉลิมฉลองจากสถานที่ต่าง ๆ ราว 89 นัด (โดยเป็นการยิงสลุต จากหอคอยแห่งลอนดอน 62 นัด จากสวนสนามของกองทหารม้ารักษาพระองค์ 6 นัด และอีก 21 นัดจากสถานที่อื่น ๆ อีก 11 แห่งทั่วสหราชอาณาจักร)
สำหรับพระราชพิธีของสมเด็จพระราชินี "คามิลลา" ซึ่งมีพระขนมพรรษา 75 พรรษา ทรงได้รับการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ และถวายเครื่องราชกุธภัณฑ์ และสวมพระมหามงกุฎควีนแมรี่ โดยพิธีการทั้งหมด จะใช้เวลานานราว 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ มีประมุขแห่งรัฐ และบุคคลสำคัญเข้าร่วมในพระราชพิธีบรมราชภิเษกครั้งนี้ราว 100 คน รวมถึงนาง "จิลล์ ไบเดน" สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ โดยผู้ชมผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์หลายล้านคน
