ศาลไม่ให้ประกัน อดีตพระอาจารย์คม กับพวก คดียักยอกเงินทำบุญวัด ชี้ คดีโทษสูง เกรงหลบหนี-ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

ศาลไม่ให้ประกัน อดีตพระอาจารย์คม กับพวก คดียักยอกเงินทำบุญวัด ชี้ คดีโทษสูง เกรงหลบหนี-ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

View icon 287
วันที่ 8 พ.ค. 2566 | 17.42 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาลไม่ให้ประกัน อดีตพระอาจารย์คม กับพวก คดียักยอกเงินทำบุญวัดกว่า 182 ล้านบาท ชี้ พฤติการณ์บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาร้ายแรง คดีโทษสูง เกรงหลบหนี-ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

วันนี้ (8 พ.ค.66) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ เขตตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.นำตัว นายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี ,นายวุฒิมา หรืออดีตพระหมอ อายุ 38 ปี และ น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี  สามผู้ต้องหาคดีเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอา ทรัพย์นั้นไปเสีย หรือรับของโจรไป มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน

โดยคำร้องระบุ พฤติการณ์สรุปว่า อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี ครอบครองเงินที่ได้รับบริจาคของวัด อดีตพระมหาวุฒิมา เป็นเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาเงินของวัดเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ด้วยการถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากของวัดตามคำสั่งการของอดีตพระคม เมื่อรวบรวมได้เป็นเงินจำนวนมากพอ อดีตพระคมสั่งการให้อดีตพระมหาวุฒิมานำเงินบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางส่งมอบให้ น.ส.จุฑาทิพย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตพระคมรับไว้ต่างกรรมต่างวาระ ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี เกี่ยวพันกัน

จากนั้นน.ส.จุฑาทิพย์ยังได้นำเงินสดที่รับมาไปเก็บไว้ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามตรวจค้นบ้านพักพบเงินสด เป็นเงิน 51 ล้านบาทเศษ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง รวมมูลค่าทรัพย์สินของวัดที่ถูกประทุษร้าย 182,776,733 บาท

โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้งสามจะหลบหนี คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาทั้งสามจะก่อความเสียหายขนย้ายทรัพย์สินเตรียมเคลื่อนย้ายออกจากวัดไปซุกซ่อนไว้ที่อื่น พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาทั้งสามจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสาม ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ และข้อมูล เกี่ยวกับบัญชีธนาคารต่างๆ ขอศาลออกหมายขังผู้ต้องหาทั้งสามไว้ระหว่างสอบสวน

และขอคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสาม เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี เป็นการกระทำสร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา เกรงจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยระหว่างการสอบสวนที่ผู้ต้องหาทั้งสามถูกควบคุมตัวนั้น ได้สั่งการให้พระและลูกศิษย์ทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์ของวัดที่ประชาชนบริจาคมา นำออกไปเตรียมจะซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับ พยานหลักฐานทำให้กระทบเสียหายต่อการสอบสวน

ผู้ต้องหาทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยระบุเหตุผลว่า ไม่ได้กระทำความผิด

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาทั้งสามถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยที่ผู้ต้องหาที่ 1,2 อาศัยโอกาส กระทำความผิดในขณะครองสมณเพศ อันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ประกอบกับมีการตรวจยึดของกลางคือเงินสด และความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามอาจหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง