สายพันธุ์ลูกผสม XBB กรมวิทย์ฯ เผยพบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ

สายพันธุ์ลูกผสม XBB กรมวิทย์ฯ เผยพบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ

View icon 424
วันที่ 9 พ.ค. 2566 | 16.10 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สายพันธุ์ลูกผสม XBB กรมวิทย์ฯ เผยพบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ แม้สถานการณ์ฉุกเฉินของโควิดจบลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นอันตราย

โควิดXBB วันนี้ (9 พ.ค.66) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อัปเดตสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย โดยระบุว่า 2 สัปดาห์ก่อน องค์การอนามัยโลก (WHO) ปรับชนิดสายพันธุ์ที่ติดตามใกล้ชิด โดยเพิ่ม XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI) ล่าสุดต้นเดือน พ.ค.66  องค์การอนามัยโลกปรับเพิ่ม XBB.1.9.2 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants under monitoring (VUM)
1) VOI 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16* 
2) VUM 7 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75, CH.1.1, BQ.1, XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBF

สถานการณ์สายพันธุ์เชื้อโควิดทั่วโลกอ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ในรอบสัปดาห์ 10-16 เม.ย.66 พบสัดส่วนของสายพันธุ์แตกต่างจากรอบ 1 เดือนก่อนหน้า ดังนี้
• XBB.1.5* รายงานจาก 106 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 46.7 ลดลงจากร้อยละ 49.3
• XBB.1.16* รายงานจาก 40 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 5.7 เพิ่มจากร้อยละ 2.0
• XBB*, XBB.1.9.1* และ XBB.1.9.2* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
• BA.2.75*, CH.1.1*, BQ.1* และ XBF* มีแนวโน้มลดลง
   
สถานการณ์ล่าสุดในไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 1-7 พ.ค.66 มีการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด-19 จำนวน 372 คน พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม 323 คน คิดเป็น 86.8% โดยพบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้ พบสายพันธุ์ลูกผสมมากกว่า 74 % ในทุกเขตสุขภาพ ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งมีตัวอย่างส่งตรวจน้อย พบมากที่สุดเป็นสายพันธุ์ XBB.1.16* คิดเป็น 27.7 % รองลงมาคือสายพันธุ์ XBB.1.5* คิดเป็น 22.0 % ในขณะที่ BN.1* ซึ่งเคยเป็นสายพันธุ์หลักในไทยตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 มีสัดส่วนลดลง

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ตามที่ WHO ได้ประกาศยุติภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโรคโควิดที่ใช้มานานกว่า 3 ปี หลังพบตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลง และผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ อย่างไรก็ตาม WHO ยังย้ำว่า แม้สถานการณ์ฉุกเฉินจะจบลง แต่ก็จะยังคงเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคโควิด สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นอันตรายต่อสถานการณ์สาธารณสุขโลกต่อไป รวมทั้งประเทศไทยเองยังคงมีมาตรการรับมือโควิดเช่นเดิม

สำหรับประชาชนแนะนำให้ระมัดระวังในการปฏิบัติตัว ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หากต้องไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากหรือไปในที่สาธารณะ และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ยังมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยง 608 จะช่วยลดอาการหนักและเสียชีวิตได้