ทนายอั๋น ยื่นกรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีทนายตั้ม และบุคคลใกล้ชิด

ทนายอั๋น ยื่นกรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีทนายตั้ม และบุคคลใกล้ชิด

View icon 358
วันที่ 11 พ.ค. 2566 | 14.07 น.
ข่าวช่อง7HD
แชร์
"ทนายอั๋น" ยื่นกรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีทนายตั้ม และบุคคลใกล้ชิด อ้างหลังตรวจสอบแล้วพบข้อพิรุธ ยืนยันทําเองไม่มีใครหนุนหลัง

วันนี้(11 พ.ค. 66) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ “คนรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยบริสุทธิ์” ยื่นหนังสือขอให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมกับบุคคลใกล้ชิดอีก 10-11 คนและแจ้งให้กรมสรรพากร ไปดําเนินการร้องทุกข์ ต่อดีเอสไอ เพื่อให้ทางดีเอสไอ สามารถเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินและภาษีเงินได้ของบริษัท Sittra Law Firm ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาหรือไม่

ทนายอั๋น กล่าวว่า การที่ทนายตั้มเคยจัดแถลงชี้แจงว่า ทนายตั้มเริ่มมีฐานะและมีรายได้เข้ามาในปี 2565 ซึ่งอย่าย้อนไปดูรายได้ปีก่อนๆ เพราะตอนนั้นไม่มีรายได้ ซึ่งตนเองตรวจสอบแล้วพบว่าในเดือนมกราคมปี 2564 ที่ทนายตั้มเดินทางไปเหยียบบ้านกกกอก มีการสวมใส่นาฬิกาหรูเรือนละกว่า 3 ล้านบาท ต่อมาในปีเดียวกันช่วงเดือนมิถุนายนมีรถหรู ในช่วงทําคดีลุงพล รวมถึงการที่ครอบครัวดื่มไวน์จํานวนหลายขวด ที่มีราคาขวดละหลายหมื่นบาท ยังไม่รวมการที่ภรรยาทนายตั้ม ใช้ชีวิตหรูหราตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งขัดกับคําแถลงของทนายตั้มที่กล่าวว่าเริ่มมีทรัพย์สินในปี 2565

นอกจากนี้ ทนายตั้ม ไม่เคยออกมาปฏิเสธว่าทรัพย์สินต่างๆนั้นไม่ใช่ของเขา และแน่นอนว่าในปี 2564 ทนายตั้มไม่มีการเสียภาษีอย่างแน่นอน จากการตรวจสอบงบดุลบริษัทชัดเจนว่ามีการรายงานข้อเท็จจริงน้อยมาก ซึ่งอยู่ๆมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทจากขาดทุนมาโดยตลอดกลับกลายเป็นมีกําไรสูงถึง 22 ล้านบาท

ทนายอั๋น กล่าวต่ออีกว่า ตนเดินทางมาขอให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของทนายตั้ม โดยก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นเรื่องไปทางดีเอสไอแล้ว หากกรมสรรพากรตรวจสอบแล้วพบว่าทนายตั้ม มีเจตนาบิดเบือนหารเสียภาษี  ดังนั้นกรมสรรพากรมีหน้าที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ และกรมสรรพากรจะต้องมีคําตอบที่สังคมยอมรับ สําหรับบุคคลอื่นๆที่ทนายอั๋นนํามายื่มเพิ่มจํานวน 10-11 คนนั้น เป็นบุคคบใกล้ชัดทนายตั้ม มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

ทนายอั๋น กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากจบเลือกตั้งใหญ่วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ตนจะดําเนินการยื่นหนังสือให้ทางสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ตรวจสอบวีซ่าของทนายตั้ม ซึ่งทางทนายตั้มอ้างว่า ที่เดินทางไปฝรั่งเศสเป็นการเดินทางไปทำงานว่าความทางกฎหมาย จึงอยากทราบว่า ทนายตั้มมีวีซ่าสำหรับบุคคลทำงานในต่างประเทศหรือในประเทศฝรั่งเศสหรือไม่ รวมถึงจะตรวจสอบตัวของลูกความทนายตั้มที่พาออกมาร่วมแถลงข่าวก่อนหน้านี้ด้วยว่าคือใครและทําธุรกิจอะไรอยู่ที่ฝรั่งเศสกันแน่

ทั้งนี้ทนายอั๋น มั่นใจว่าหลังเลือกตั้งใหญ่หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เชื่อว่าทนายตั้มลําบากแน่นอน และยืนยันว่าตนเองไม่มีใครหนุนหลัง ออกมาทําเพื่อสังคม ยอมรับเคยคุยกับคุณชูวิทย์แค่ครั้งเดียว และไม่ได้เป็นข้อมูลเชิงลึกอะไร พร้อมยืนยันด้วยว่าจะเดินหน้าตรวจสอบทนายตั้มต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง