ตำรวจพัทยา แถลงจับกุม คนร้ายใช้อาวุธปืน ปล้นบ้าน นทท.ชาวจีน ได้ครบยกแก๊ง  ปิดคดีปล้นอุกอาจกลางเมืองพัทยา

ตำรวจพัทยา แถลงจับกุม คนร้ายใช้อาวุธปืน ปล้นบ้าน นทท.ชาวจีน ได้ครบยกแก๊ง ปิดคดีปล้นอุกอาจกลางเมืองพัทยา

View icon 175
วันที่ 17 พ.ค. 2566 | 18.38 น.
ข่าวในประเทศ
แชร์
ตำรวจพัทยา แถลงจับกุม คนร้ายใช้อาวุธปืน ปล้นบ้าน นทท.ชาวจีน ได้ครบยกแก๊ง  ปิดคดีปล้นอุกอาจกลางเมืองพัทยา

(17 พฤษภาคม 2566)  ตามนโยบายของ  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจฯ ตำรวจภูธรภาค 2 จึงให้ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มุ่งเน้นการป้องกัน และสืบสวนปราบปราม การกระทำความผิดที่กระทำต่อนักท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นผู้เสียหาย โดยเฉพาะเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.  พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้สั่งการให้ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินการสืบสวนจับกุมคนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีน เหตุเกิดบ้านเลขที่ 131/123 หมู่ 12 หมู่บ้านพัทยาเมืองใหม่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566  โดย  สภ.เมืองพัทยา สามารถจับกุมคนร้ายก่อเหตุร่วมปล้นทรัพย์ นักท่องเที่ยวชาวจีน
ได้ยกแก๊ง จำนวน 6 คน คือ นายสราวุธ  หรือเบียร์ สุธาพจน์ อายุ 31 ปี ,นายวันชนะ  หรือเอ็ม กรีดกราย อายุ 28 ปี , นายนครินทร์ หรือนิว แซ่เตียว อายุ 26 ปี นายชัยชนะ  หรือบีม พิมพา  อายุ 28 ปี นายธวัชชัย หรือแบงค์ สียางนอก อายุ 27 ปี และ นายอาทิตย์  หรือแบงค์ สีดอกบวบ อายุ 22 ปี (บัญชีม้า) พร้อมของกลาง
1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไตรตัน สีดำ ป้ายทะเบียน ยฉ 1656 ชลบุรี (ยานพานะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ)
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น ซิตี้ สีดำ ทะเบียน 1ขณ-5932 กทม. (ยานพานะของผู้เสียหายที่คนร้ายลักเอาไป)

โดยกล่าวหาว่า  ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีคนใดมีอาวุธติดตัวไปด้วย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพฯ

หลังจับกุมคนร้ายได้ 2 คน แต่หัวโจกกับพวกอีก 2 คนหลบหนีไปได้  ได้แก่ นายสราวุธฯ, นายวันชนะฯ และ นายนครินทร์ฯ กระทั่งมีข้อมูลว่าได้หลบหนีการจับกุมไปอยู่ที่แนวตะเข็บชายแดนฝั่งประเทศกัมพูชา สภ.เมืองพัทยา จึงได้ร่วมบูรณาการกำลังกับ บก.สส.ภ.2, กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว, กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี, ตม.จว.จันทบุรี, ตม.จว.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของประเทศกัมพูชา ในการลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุม รวมถึงทำการกดดันผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ที่หลบซ่อนตัวหรือกบดานอยู่ จนกระทั่งผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ทนต่อแรงกดดันไม่ไหว หลบหนีและมาอยู่บริเวณช่องทางธรรมชาติ บ้านท่าข้าม อ.อรัญประเทศ  จว.สระแก้ว(ชายแดนไทย-กัมพูชา) กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ได้ (เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 00.30 น.) จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและรับสารภาพว่าก่อเหตุปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีนดังกล่าวจริง จึงได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากการจับกุมผู้ก่อเหตุปล้นทรัพย์ทั้งหมดในคดีนี้แล้ว ทางการสืบสวนยังพบอีกว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้เป็นบัญชีสำหรับรับโอนเงินที่บังคับให้ นายหวัง ซิจุน โอนเข้าบัญชีปลายทาง ทราบชื่อ คือ นายอาทิตย์  สีดอกบวบ จากการสอบสวนทราบว่า นายอาทิตย์ฯเป็นเพื่อนกับนายสราวุธฯ หนึ่งในผู้ก่อเหตุ และรับว่ายินยอมให้กลุ่มผู้ก่อเหตุใช้บัญชีธนาคารของตนเอง สภ.เมืองพัทยา จึงแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับ นายอาทิตย์ฯ ในความผิดฐาน เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องฯ อันเป็นความผิดตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566  โดยได้แยกดำเนินคดีไว้ส่วนหนึ่งต่างหากแล้ว

ในคดีนี้ผู้ลงมือก่อเหตุปล้นทรัพย์มีด้วยกันทั้งหมด 5 คน และผู้เกี่ยวข้องในฐานะยินยอมให้ใช้บัญชีธนาคารอีก 1 คน รวมผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ที่ถูกดำเนินคดีรวมจำนวน 6 คน และบางคน ยังต้องคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายยาเสพติดอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง