รถที่ให้บริการรับ-ส่งนักเรียนในภาคเรียนนี้ ต้องมีใบอนุญาตผ่านการตรวจสภาพปีต่อปีเท่านั้น เจอรถไม่ได้มาตรฐานรีบแจ้งโรงเรียน ป้องกันความปลอดภัยให้ลูกหลาน
วันนี้ (18 เม.ย.66) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นกับ รถรับ-ส่งนักเรียน ในช่วงเดือน พฤษภาคม-ตุลาคม ปี 2563-2565 เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 27 ครั้ง บาดเจ็บเล็กน้อยและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 485 ราย เสียชีวิต 2 ราย ดังนั้น โรงเรียน สถานศึกษา กรมการขนส่งทางบก และผู้ให้บริการรถรับ-ส่งนักเรียน ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
มาตรฐานความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน
1.ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา
2.ต้องได้มาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
3.นำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียน หรือสถานศึกษาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ซึ่งจะได้รับอนุญาตภาคเรียนละ 1 ครั้ง
แนวทางอนุญาตให้ใช้รถรับจ้าง รับ-ส่งนักเรียน
1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกิน 7 คนแต่ไม่เกิน 12 คน รถสองแถว หรือรถตู้พร้อมติดสัญญาณไฟสีเหลืองและป้ายรถโรงเรียน
2. ที่นั่งผู้โดยสารต้องยึดแน่น และต้องไม่มีพื้นที่สำหรับนักเรียนยืน พร้อมเครื่องมือกรณีฉุกเฉิน
3. รถสองแถวต้องมีประตู้และที่กั้นป้องกันนักเรียนตกรถ
4. รถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอน ตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น
มาตรการด้านกฎหมาย
หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม จะถูกสั่งเพิกถอนหนังสืออนุญาตใช้รถทันที ไม่สามารถขอได้อีกจนกว่าจะพ้น 1 ปี
ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองที่ให้ บุตรหลาน ขึ้นรถรับ-ส่งนักเรียน ขอให้สังเกตช่วยกันตรวจดูรถทุกคันได้ตรงตามมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากพบไม่ได้มาตรฐานให้แจ้งกับทางโรงเรียน หรือกรมการขนส่งทางบก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น