เชียงใหม่อึ้ง ครูโหดถีบเด็กดอยกระเด็น ผวาไม่กล้ามาโรงเรียน ครูสาวสุดทนแฉพฤติกรรมแย่ฉกเงินบริจาคเด็กด้อยโอกาสไปเที่ยวทะเล-คาราโอเกะ
วันนี้(21 พ.ค.2566) หลังเปิดเทอมใหม่ได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ เกิดเรื่องราวที่สร้างความสลดใจในแวดวงการศึกษา เมื่อนางสาวเพชรรัตน์ (สงวนนามสกุล) ตำแหน่ง ครู คศ.1 รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โพสต์เรื่องราวในเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดหน้าแฉพฤติกรรมของครูและบุคลากรในโรงเรียนบางคนที่ทำหน้าที่อย่างไร้จิตสำนึก ทำร้ายเด็กนักเรียนไร้ทางสู้ เข้าข่ายทำร้ายร่างกายและทารุณกรรมเด็ก
นางสาวเพชรรัตน์ นำคลิปภาพเหตุการณ์ที่ครูผู้ดูแลหอพักของโรงเรียน ถือไม้เรียวสอบสวนความผิดเด็กนักเรียนชายสี่คนบนลานข้างหอพัก หลังพบว่าขนมในห้องพักครูถูกขโมยไป ในภาพจะเห็นว่าครูคนดังกล่าวสอบสวนเด็กในลักษณะท่าทีข่มขู่ ก่อนจะใช้เท้าเหยียบบ่าของเด็กชายคนหนึ่งและถีบจนล้มลง จากนั้นได้ใช้ไม้ตีเด็กชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ กันและใช้เท้าเตะจนล้มคว่ำ ขณะที่เด็กชายทั้งสองร้องไห้และอยู่ในอาการหวาดกลัว หลังเกิดเรื่องทำให้เด็กชาย ป.3 อายุ 10 ขวบ หนึ่งในสองเด็กที่ถูกทำร้ายหวาดผวาหนักจนไม่กล้ามาโรงเรียนอีกเลย หนีกลับไปอยู่กับมูลนิธิเอกชนที่อุปการะอยู่ก่อนหน้านี้
นางสาวเพชรรัตน์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีครูบางคนมาเล่าให้ฟังและบอกว่าอยากดูคลิปหรือไม่ เธอเองไม่ชอบความรุนแรงจึงไม่ดู แต่ในใจลึก ๆ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ยอมรับว่าเก็บเงียบไว้และร่วมกันปกปิดเพราะกลัวมีผลกระทบกับหน้าที่การงาน เพราะเธอทำหน้าที่เป็นรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนในลำดับที่ 2 หากเป็นเรื่องขึ้นมาอาจติดร่างแหถูกลงโทษไปด้วยในฐานะผู้บังคับบัญชา แต่ความรุนแรงต่อเด็กไม่ได้มีแค่เหตุการณ์ในคลิปเท่านั้น เพราะเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ครูผู้ดูแลหอพักคนเดียวกันนี้ ยังได้ลงโทษเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งที่คิดว่าไปพังประตูห้องน้ำ แต่สุดท้ายเป็นการทำร้ายผิดคน ซึ่งเด็กคนนี้อายุ 11 ขวบ หวาดกลัวหนักจนวิ่งหนีเข้าป่า ก่อนที่ภายหลังจะยอมกลับมาเรียน
กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ครูฝ่ายการเงินได้นำเอกสารแผ่นหนึ่งมาให้ดูและขอให้ช่วยเหลือ เป็นเอกสารที่ระบุว่าผู้บริหารและครูบางคนได้เบิกเงินในกองทุนช่วยเหลือเด็กที่มีผู้ใจบุญบริจาคมาให้ นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เมื่อสอบถามทำให้ทราบว่ามีการเบิกเงินอ้างว่าไปราชการที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเหมารถ ค่าน้ำมันรถ รวมเป็นเงินกว่า 37,100 บาท แต่ความจริงกลับเป็นการเดินทางไปส่งผู้บริหารระดับเขตคนหนึ่ง โดยที่ไม่มีหนังสือไปราชการตามระเบียบ และไม่ได้มีใบเสร็จอะไรมาแสดง มีเพียงรายการใช้จ่ายที่พิมพ์ในกระดาษหนึ่งแผ่นไปแสดงให้กับฝ่ายการเงินโรงเรียนเท่านั้น
นอกจากนี้ยังทราบด้วยว่าเกิดการเบิกเงินจากกองทุน เดินทางไปที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อไปซื้อโซลาร์เซลล์ แต่กลับพบว่านำเงินบางส่วนไปเที่ยวคาราโอเกะ โดยมีครูคนหนึ่งที่เดินทางไปด้วย หลุดพูดตอนมึนเมาว่า "เสียดายที่ครูไม่ได้ไปด้วย ทั้งจับ จก ล้วง" และอีก 1 คน ที่พูดว่า "จองโรงแรมไม่ได้นอนเพราะอยู่ยันตี 5" รวมถึงยังบอกเล่าถึงการคิดเงินว่าใช้เงินไป 15,000 บาท แต่ยังไม่ทราบว่าเงินดังกล่าว เป็นเงินจากบัญชีกองทุนสนับสนุนของโรงเรียนหรือที่เรียกว่าเงินบริจาค หรือจะเป็นเงินส่วนตัว โดยทราบว่าก่อนเปิดเทอมมีเงินบริจาคในกองทุนประมาณสองแสนบาท แต่ตอนนี้เหลือเพียงสามหมื่นกว่าบาทเท่านั้น
นางสาวเพชรรัตน์ ระบุว่า เธอได้บรรจุเป็นข้าราชการครูในปี 2560 ที่กรุงเทพมหานคร แต่ด้วยความใฝ่ฝันอยากเป็นครูบนดอย ทำให้ในปี 2565 จึงเลือกขอมาบรรจุที่โรงเรียนแห่งนี้ แต่เมื่อมาเจอเรื่องแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงสุดที่จะรับได้ และตัดสินใจนำเรื่องราวออกมาแฉ ด้วยความหวังว่าจะทำให้ระบบเหล่านี้หมดสิ้นไปเสียที โดยเธอรู้สึกแย่ที่เด็กดอยฐานะยากจนและเป็นกลุ่มด้อยโอกาส ต้องมาถูกทำร้ายและอยู่อย่างหวาดกลัว รวมทั้งต้องเสียโอกาสในการออกนอกระบบการศึกษา รวมทั้งการนำเงินบริจาคไปใช้ การออกมาเปิดเผยเรื่องราวในครั้งนี้ พร้อมที่จะโดนปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ แต่ยืนยันว่าจะไม่ลาออกเด็ดขาด เธอยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งอนาคตหรือชีวิตเพื่อขอให้ระบบนี้มันไม่เน่าไปกว่านี้
"ข้าพเจ้ารักในอาชีพครูแล้วก็พร้อมที่จะต้องไปเริ่มอาชีพใหม่ที่สุจริตด้วยเช่นกัน ส่วนการร้องเรียนหน่วยงานบังคับบัญชาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะได้รับความยุติธรรมเพราะ 1 ในบุคคลที่กระทำการดังกล่าว ได้อ้างว่ามีความสนิทสนมเป็นอย่างดีโดยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันกับ ผ.อ.เขตพื้นที่การศึกษา และรู้ฉายาของกันและกันดี ข้าพเจ้าจึงหวังว่าท่านจะช่วยข้าพเจ้าในการส่งเสียงของข้าราชการครูผู้น้อยที่ไม่มีเส้นสาย ให้เสียงนี้ดังไปถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ด้วยการช่วยข้าพเจ้าแชร์ลงเฟซบุ๊กของท่าน" ครูสาวเปิดใจช่วงหนึ่ง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะยังไม่มีเกิดการแจ้งความดำเนินคดี แต่ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.เชียงดาว ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพร้อมให้การช่วยเหลือกับผู้ปกครองเด็กหรือครูเพชรรัตน์ตามกรอบกฎหมาย