ชายเครียดเรื่องมรดก ยิงคนในบ้าน บาดเจ็บ

View icon 8
วันที่ 22 พ.ค. 2566 | 05.09 น.
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - เมื่อวานนี้ เรียกได้ว่าเอาอีกแล้ว เมื่อเกิดกรณีชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงและทำร้ายคนในครอบครัว คราวนี้เกิดที่กลางกรุงเทพฯ คือที่ย่านยานนาวา แต่เคราะห์ดีที่สุดท้ายตำรวจและนักข่าวช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ใจเย็นลงและยอมมอบตัว

จุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังหนึ่งในซอยจันทร์ 23/2 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา ตำรวจ สน.บางโพงพาง และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญ รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บภายในบ้านหลังดังกล่าว เมื่อไปถึงพบผู้ก่อเหตุเป็นชาย อายุประมาณ 75 ปี ยืนถืออาวุธปืนอยู่หน้าบ้าน เดินไปเดินมา ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูอาการผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงพยายามเจรจาขอนำผู้บาดเจ็บไปรักษา แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอม เดินถืออาวูธปืนวนไปวนมา ลักษณะเครียด บางครั้งถืออาวุธปืนมาจ่อที่ตัวเอง

จากการพูดคุยกับน้องชายผู้ก่อเหตุ อายุ 70 ปี ที่ถูกปืนตีที่ศีรษะ แต่ไม่เป็นอะไรมากและหลบหนีออกจากบ้านมาได้ก่อนหน้านี้ บอกว่าผู้ก่อเหตุพี่ชายคนโต ก่อนเกิดเหตุได้มีปากเสียงกับหลานไม่ทราบว่าเรื่องอะไร จากนั้นแม่ของหลาน ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้ก่อเหตุ อายุ 68 ปี ได้เข้าไปห้าม พี่ชายจึงชักอาวุธปืนออกมายิงน้องสาวเข้าที่บริเวณราวนมด้านขวา ตนเองจึงไปช่วยห้าม แต่พี่ชายไม่ฟังและใช้ปืนตบที่ศีรษะ พร้อมกับข่มขู่ว่าจะยิงให้หมดเลย ก่อนหน้านี้ทราบเพียงว่าพี่ชายมีปัญหาเรื่องเงินในครอบครัว เป็นคนเงียบ ๆ และเก็บกด ตนเองเชื่อว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุพี่ชายได้เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และพี่ชายก็ไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต หรือเมายาเสพติด ต่อมาเวลาผู้ก่อเหตุอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพาผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นน้องสาว อายุ 68 ปี ถูกยิงที่บริเวณลำตัวด้านขวา ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง

เจ้าหน้าที่ยังคงไม่ละความพยายาม พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม ต่อมาชายผู้ก่อเหตุได้บอกกับตำรวจว่า อยากพูดคุยกับสื่อมวลชน ตำรวจจึงพาตัวแทนสื่อมวลชนเข้าไปพูดคุย โดยผู้ก่อเหตุเปิดใจว่าที่ก่อเหตุลงไปเพราะมีปัญหาเรื่องของการแบ่งมรดกการภายในครอบครัว และรู้สึกว่าตนเองถูกเอารัดเอาเปรียบในเรื่องดังกล่าว จึงต้องตัดสินใจก่อเหตุในวันนี้

หลังจากเกลี้ยกล่อมอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ชายคนดังกล่าวก็มีท่าทีอ่อนลง ก็ยอมมอบตัว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสงบสติอารมณ์และสอบสวนดำเนินคดีที่ สน.บางโพงพาง

ทั้งนี้จากการสอบถามประวัติผู้ก่อเหตุทราบว่า มีความรู้ด้านการใช้อาวุธปืนอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นทหารเกษียณราชการอย่างที่มีกระแสข่าวออกมา ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุยอมรับว่าในอดีตเคยทำงานเป็นทหารรับจ้าง และผู้ดูแลความปลอดภัยในต่างประเทศมาก่อน จึงมีความสามารถในการใช้ปืนในระดับหนึ่ง

ซึ่งจากการสอบปากคำเมื่อคืนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาให้การรับสภาพทุกข้อกล่าวหา และยอมรับว่าทำไปโดยขาดสติ ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล โดยในช่วงเช้าวันนี้จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้