วันนี้ (23 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณวัดรางกระต่ายรังสรรค์ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีชาวบ้านนับพันคนเดินทางมารอรับขบวนแห่นาค นายพุฒิพงษ์ สาวิกันต์ หรือ นาคปาล์ม ลูกชายของ นายสุรัตน์ สาวิกันต์ เจ้าของเซียงกงรายใหญ่ใน อ.ท่ามะกา หลังทราบข่าวว่า นายสุรัตน์ทุ่มเงินกว่า 5 ล้านบาท จัดงานบวชให้กับลูกชายคนแรก โดยจะมีการโปรยทานแจกเงินสดให้กับผู้ที่มาร่วมงานเป็นเงินรวมกว่า 2 แสนบาท ทำให้บรรยากาศภายในวัดคล้ายกับมีงานประจำปี มีชาวบ้านจากทั่วสารทิศนับพันคนมารอรับขบวนแห่นาค ร้านค้ามาตั้งร้านขายอาหารและน้ำดื่มกันอย่างคึกคัก
ทันทีที่ขบวนแห่นาคมาถึง ชาวบ้านต่างก็มารอดูความยิ่งใหญ่ของขบวนแห่ ที่นำมาโดยม้าและวัวเทียมเกวียน ส่วนนาคปาล์มนั่งมาบนหลังช้างตัวใหญ่ ที่ตกแต่งสวยงามอลังการ เดินผ่านฝูงชนที่มารอรับขบวนอยู่ตลอดสองข้างทางอย่างสง่างาม จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการแห่นาครอบโบสถ์จำนวน 3 รอบ ก่อนจะถึงวินาทีที่หลายคนรอคอย นั่นก็คือการโปรยทาน ซึ่งมีชาวบ้านมารอรับโปรยทานกันจนเต็มทางเข้าโบสถ์ เพราะทราบดีว่าในการโปรยทานครั้งนี้ มีรางวัลใหญ่เป็นเงินสด 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท นับร้อยรางวัล ปะปนอยู่กับเงินโปรยทานที่พ่อนาคและครอบครัวช่วยกันโปรยออกมาจากหน้าโบสถ์ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที เงินที่เตรียมมาโปรยทานก็ถูกโปรยแจกจ่ายให้ผู้ร่วมงานจนหมด
จากนั้นนาคจึงเข้าสู่พิธีอุปสมบทจนเสร็จสิ้น หลังเสร็จสิ้นพิธีอุปสมบทกลายเป็นพระสงฆ์ ชาวบ้านที่มาร่วมงานได้ร่วมกันทำบุญกับพระใหม่ตามความเชื่อว่าจะได้บุญเยอะ ต่อมาผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจากการโปรยทานก็ทยอยนำเอารางวัลที่ได้มาแลกเป็นเงินสดจากทางเจ้าภาพ ซึ่งมีทั้งคนที่ได้หนึ่งพันบาท ห้าร้อยบาท และหนึ่งร้อยบาทปะปนกันไป แต่ละคนต่างมีรอยยิ้มที่ได้มาร่วมงานบุญ และยังได้รับเงินสดกลับบ้านไปด้วย
นายสุรัตน์ บอกว่า การทุ่มเงินกว่า 5 ล้านบาท จัดงานบวชให้ลูกชายในครั้งนี้ เกิดมาจากการที่ตนและภรรยา ตั้งใจจะจัดงานบวชให้ลูกชายคนโตมาตั้งแต่ปีก่อน และได้ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งตั้งใจว่า หากถูกรางวัลที่ 1 จะนำเงินไปซื้อรถมาถวายให้กับหลวงพ่อวัดรางกระต่ายที่ทางครอบครัวนับถือ ปรากฏว่าในงวดดังกล่าว ภรรยาของตนถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ ได้เงินมา 12 ล้านบาท จึงได้ตั้งใจซื้อรถถวายวัดและจัดงานบวชให้ลูกชายไปในคราวเดียวกัน โดยได้ซื้อรถตู้ราคา 1.3 ล้านบาท ถวายให้กับทางวัด บริจาคเงินทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลโรงเรียนละ 1 แสนบาท จำนวน 5 โรงเรียน พร้อมบริจาคเงินสนับสนุนสถานีตำรวจและมูลนิธิต่างๆอีกกว่า 1.5 ล้านบาท รวมกับเงินค่าจัดงานและเงินโปรยทานอีกกว่า 2 แสนบาท ทำให้การจัดงานครั้งนี้ ตนเองและภรรยาใช้เงินไปกว่า 5 ล้านบาท
นายสุรัตน์ บอกด้วยว่า ยอมรับเป็นเงินที่เยอะมาก แต่เมื่อเห็นจำนวนคนที่มาร่วมงานบวชของลูกชายที่มีเยอะมากก็ถือว่าคุ้มกับเงินที่เสียไป ซึ่งหลังจากนี้ เมื่อลูกชายอีกคนมีอายุครบบวช ก็จะจัดงานให้ยิ่งใหญ่เช่นนี้อีก เพราะถือว่านอกจากจะได้บุญจากการบวชลูกแล้ว ยังได้บุญจากการบริจาคและการโปรยทานให้กับผู้ที่มาร่วมงานด้วย
