ดีลส้มหล่นนี้ เกิดบนข้อสันนิษฐานที่จะต้องมีเหตุเกิดขึ้นใน 2 เรื่อง และต้องมีตำแหน่งประธานสภาเป็นกุญแจสำคัญ นั่นคือ เหตุแรก คุณพิธา มีเสียงสนับสนุนจากสภาไม่ถึง 376 เสียง เหตุสอง คุณพิธา โดนสอยจากกรณีถือหุ้นสื่อ หลุดจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรคก้าวไกล จากนั้นกระบวนการขั้นต่อไปในสภาก็จะเกิดขึ้นใหม่ที่เข้าทางเพื่อไทยมากกว่า
1. รัฐบาลก้าวไกล มีแนวโน้มได้เสียงสนับสนุนไม่ถึง 376 เสียง รูปเกมปกติของ 8 พรรค ที่ลงนามใน MOU คือต้องผนึกกันให้แน่นอาศัยแรงกดดันจากภาคส่วนต่าง ๆ ไปที่ สส.ต่างขั้วให้ร่วมปิดสวิตซ์ สว. หรือหาเสียงสนับสนุนจาก สว. แต่ถ้าไม่ครบ ก็โหวตไปเรื่อย ๆ รอจน สว. หมดวาระ พฤษภาคม 2567 แต่ระหว่างนั้น หากเกิดอุบัติเหตุการเมืองบางอย่างขึ้น รูปเกมจะไม่ไปทางนี้ เพื่อคุมเกมในสภาให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงก็จะต้องทำ ข้อสองให้ได้
2. เพื่อไทยต้องชิงตำแหน่งประธานสภาให้ได้ เพื่อเป็นผู้กำหนดวาระโหวตนายก เมื่อรวมเสียงได้พร้อม
3. ระหว่างนั้นมีการเดินเกมรวมให้ได้ 376 เสียงจากหลากขั้ว พึ่ง สว. น้อยที่สุด เพื่อให้มีความชอบธรรมในการสวมแทนคุณพิธาทันทีหากมีอุบัติเหตุทางการเมือง แต่แผนนี้ถูกหยุดไว้ที่ 313 ก้าวไกลไม่ไปต่อ
4. คือลือกันหนักว่า มีการล็อกผลให้ พิธา ร่วงจากกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวีแน่ รวมเสียงรอส้มหล่นได้เลย
5. เพื่อไทย เสนอแคนดิเดตใหม่ เพราะก้าวไกลไม่มีแคนดิเดตสำรอง โดยจะรวมเสียงตั้งรัฐบาลใหม่ 376 เสียง ตามเป้าหมายเดิม ที่อาจมาจากบางพรรคที่ข้ามขั้วมาโหวต เช่น ข่าวลือว่า ลุงป้อมจะวางมือจากพลังประชารัฐ ก็ตอบโจทย์ที่เคยหาเสียงว่าไม่ร่วมกับพรรคลุง หรือดีลลับฮ่องกงที่อาจเอาพรรคเสี่ยหนูมาด้วย รวมถึงเสียง สว. สายลุงป้อมบางส่วน จากนั้น ค่อยผลักก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านแทน