สาวเปิดใจเหมือนตายทั้งเป็น เรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯถูกข่มขืน แต่โทษคนร้ายคุกแค่ 3 ปี

View icon 1.2K
วันที่ 25 พ.ค. 2566 | 16.14 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หญิงสาวเรียกรถผ่านแอพพลิเคชันชื่อดัง แต่ถูกคนขับรถพาไปข่มขืน สาวโพสต์ระบายความในใจว่า คนร้ายโทษคุกแค่ 3 ปี เทียบไม่ได้กับบาดแผลในจิตใจที่เกิดขึ้น โดยเหยื่อร้องขอให้ "ประหารชีวิตหนูเถอะค่ะ"

เมื่อวานนี้หญิงสาวรายนี้ เข้ามาขอความช่วยเหลือจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เพื่ออยากให้เป็นอุทาหรณ์ เตือนภัยให้คนได้รับรู้ว่า ภัยในช่วงเวลากลางคืนมันน่ากลัวขนาดไหน

หญิงสาวผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ตนเองได้นัดเจอกับเพื่อน โดยแฟนรับปากว่าจะไปรับกลับ พอถึงเวลากลับบ้านตอนเวลาประมาณ 03.00 น. ตนเองจึงโทรบอกแฟนให้มารับ แต่แฟนไม่สามารถมารับได้ เนื่องจากเขานั้นดื่มกับเพื่อนอยู่อีกที่ ถ้าขับมารับเกรงว่าจะเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ จึงบอกให้ตนเองเรียกแอปพลิเคชันรถโดยสารกลับบ้าน แต่ระหว่างทาง ตนเองเผลอนอนหลับไป ลืมตามาอีกที คนขับได้พาออกนอกเส้นทาง ตนเองจึงบอกคนขับไปว่า ให้กลับรถ เลยบ้านตนเองไปแล้ว แต่คนขับชวนตนเองเข้าโรงแรม ตนเองจึงบอกว่าแฟนตนเองกำลังมา แต่พี่ทำอะไรหนู พี่เดือดร้อนแน่ เพราะแฟนหนูกำลังมา แต่คนขับไม่ฟัง จอดรถในมุมมืด บนถนนศรีนครินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ จากนั้นได้กระโดดข้ามมาหาตนเอง ทำให้โทรศัพท์ที่ตนเองถืออยู่ ที่กำลังจะโทรหาแฟน ตกลงไปกับพื้น คนร้ายจึงข่มขืนกระทำชำเรา ระหว่างนั้นตนเองได้เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์กดโทรหาแฟน และแฟนพี่ขึ้นมาว่า พี่ถูกฝั่งตรงข้าม กำลังไป พอคนขับแท็กซี่ได้ยินแบบนี้ ก็ปล่อยตนเองลงจากรถทันที แล้วก็ขับหนีไป จากนั้นไปแจ้งความกับโรงพักในท้องที่เกิดเหตุ ต่อมาตำรวจการติดต่อเข้ามาว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว และตำรวจมีการเรียกให้ตนเองไปเจรจายอมความกับคนร้าย แต่ตนเองไม่ยอมความ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยตำรวจให้ตนเองนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พอตนเองเห็นคนร้ายก็รู้สึกหวาดกลัว จนเกิดอาการวูบ

ตอนนี้ตนเองต้องเผชิญกับ โรค PTSD หรือ ภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรง ตนเองต้องไปหาหมอจิตเวชอยู่ตลอด เพื่อรักษาโรคนี้ ทุกครั้งที่ตนเองเจอกับคนหน้าคล้ายที่ขมขื่นตน ตนเองจะหวาดกลัวจนเป็นลมวูบไปเลย หรือแม้แต่กระทั่งเจอรถแท๊กซี่ที่สีเหมือนรถคนร้าย ตนเองก็จะหวาดกลัวเหมือนกัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี แต่ตนเองไม่ทราบเรื่องว่ามีการตัดสินคดี ตนเองจึงไม่ได้เดินทางไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาล พอมาทราบเรื่องก็หมดอายุความในการอุทธรณ์คดี ตนเองมองว่าติดคุก 3 ปีมันน้อยไป ไหนจะได้ลดหย่อนโทษต่าง ๆ เดี๋ยวคนร้ายก็พ้นโทษออกมาแล้ว  การติดคุกแค่นี้จะเพียงพอให้คนร้ายนั้นได้สำนึกผิดหรือไม่

ผู้เสียหาย กล่าวต่ออีกว่า ในฐานะมนุษย์หญิงคนหนึ่ง หนูอยากรู้ว่า หนูผิดอะไร หรือผิดที่หนูเกิดเป็นผู้หญิง หนูผิดที่หนูอ่อนแอสู้แรงผู้ชายไม่ได้ หนูว่าโทษจำคุก 3 ปี มันน้อยไป หนูอยากให้คนร้ายได้รับโทษสูงสุด 20 ปี หรือไม่ก็ขอเป็นประหารชีวิตไปเลย ถ้าคนร้ายไม่ยอมโดนประหาร ก็ประหารหนูแทนไปเถอะ เพราะทุกวันนี้ หนูอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว "ประหารหนูเถอะค่ะ"

ทางด้านแฟนหนุ่ม กล่าวเสริมว่า ตอนนี้ตนเองย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เนื่องจากศาลได้ตัดสินไปแล้ว แต่ต่อจากนี้ อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ ปรับเปลี่ยนกฏหมายให้แรงกว่านี้ เพราะมีผู้หญิงที่ได้รับความเสียหายในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก แต่เค้าไม่กล้าออกมาพูด ภัยสังคมนี้ ขอถือว่าเป็นสิ่งร้ายแรงสำหรับสังคมเรา การเรียกรถจากแอปฯ ย่อมเป็นทางเลือกในการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด เพราะมีทั้งข้อมูลรถและคนขับ แต่ก็ยังเกิดเหตุที่ไม่น่าให้อภัยนี้ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง