สายโชว์ต้องระวัง กองปราบฯ รวบสาวแสบสมาชิกแก๊งหลอกโชว์ของลับผ่านแอปหาคู่ แบล็กเมลขู่รีดเงิน

สายโชว์ต้องระวัง กองปราบฯ รวบสาวแสบสมาชิกแก๊งหลอกโชว์ของลับผ่านแอปหาคู่ แบล็กเมลขู่รีดเงิน

View icon 332
วันที่ 25 พ.ค. 2566 | 19.13 น.
ข่าวในประเทศ
แชร์
วันนี้ (25 พ.ค. 66) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พ.ต.ต.ธนาคาร อุชณรัศมี สว.กก.6 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นางสาวตรัยรัตน์ฯ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.344/2566 ลง 12 พ.ค.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันรีดเอาทรัพย์, ร่วมกัน ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดอันตราย แก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น”

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.เพชรเกษม ว่าได้เล่นแอปพลิเคชันหาคู่ จนได้คุยกับบุคคลหนึ่งเป็นหญิงไทย และต่อมาได้แลกไอดีไลน์เพื่อที่จะนัดเจอกัน หลังจากนั้นหญิงคนดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหายถ่ายภาพอวัยวะเพศส่งให้ เมื่อผู้เสียหายส่งให้ หญิงคนดังกล่าวได้ส่งภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊กของผู้เสียหาย พร้อมข่มขู่ให้โอนเงินไปยังบัญชีของผู้ต้องหานี้จำนวน 3,000 บาท มิฉะนั้นจะเอาภาพที่คุยกันส่งให้เพื่อนในเฟซบุ๊กของผู้เสียหายดู ผู้เสียหายจึงยอมโอนเงินให้ แต่ภายหลังไม่สามารถติดต่อหญิงคนดังกล่าวได้ จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ภายใน 2 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียหายถูกกระทำในลักษณะนี้มาแล้วประมาณ 30 คน

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบว่า น.ส.ตรัยรัตน์ฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร จึงเดินทางไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งได้พบบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับ น.ส.ตรัยรัตน์ฯ บุคคลตามหมายจับ ท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย จึงได้เข้าตรวจสอบ และจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ร่วมกระทำความผิดตามข้อหาตามหมายจับดังกล่าว โดยอ้างว่านายปิยะฉัตรฯ เพื่อนของตนขอยืมบัญชีไปสมัครเล่นการพนัน โดยวันเกิดเหตุได้รับเงินโอนเข้าบัญชี 3,000 บาท และได้โอนเงินกลับไปหาผู้ที่โอนเงินมาให้ จำนวน 2,000 บาท ส่วนอีก 1,000 ได้โอนเงินชำระค่าสินค้าแทนนายปิยะฉัตรฯ