เพื่อไทย ทวีต ชนะมาด้วยกัน ขอเลี่ยงใช้มวลชนกดดัน

View icon 21
วันที่ 26 พ.ค. 2566 | 06.34 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - เพื่อไทย ยังคงมาเป็นชุดต่อเนื่อง สำหรับศึกชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ ล่าสุดในช่วงค่ำ มีถ้อยแถลงผ่านทวิตเตอร์ทางการของพรรคอีกครั้ง

ข้อความสื่อสารไปยังพรรคก้าวไกลชัดเจน บอกว่า "ประธานสภาฯ ควรเปิดทางผลักดันทุกนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลให้สำเร็จ ไม่ใช่ผลักดันวาระของพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น" ซึ่งตรงนี้เป็นการตอบโต้แถลงผ่านเพจพรรคก้าวไกล ที่ให้เหตุผลว่า ต้องได้เก้าอี้ประธานสภาฯ เพราะมี 3 วาระที่ต้องผลักดันให้สำเร็จ คือ ผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า, การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเดินหน้าอย่างราบรื่น, ผลักดันหลักการรัฐสภาโปร่งใส และประชาชนมีส่วนร่วม

นอกจากนี้ ทวิตพรรคเพื่อไทยยังชี้แจงว่า หากจะยกกรณีที่เพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ชนะโหวตทั้งนายกฯ และประธานสภามาโดยตลอด ไม่มีพรรคอันดับสองได้ นั่นเป็นเพราะเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเด็ดขาด ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จึงชนะโหวตด้วยเสียงของ สส. และผู้สนับสนุน ในกรณีนี้เราชนะมาด้วยกัน ก็ควรทำงานร่วมกันด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หลีกเลี่ยงที่จะใช้มวลชนกดดัน แต่ควรหาทางทำภารกิจเพื่อประชาชนร่วมกันให้สำเร็จ ประเทศจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด

ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง หนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย แต่ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นชาวสวน ที่ไม่ใช่เพราะจบโรงเรียนสวนกุหลาบ แต่มาจากการที่มักแสดงทัศนะที่เป็นตัวของตัวเอง สวนทางกับแนวทางพรรคในหลายครั้ง ครั้งนี้ก็ออกมาทวีตเช่นกันว่า

"เรื่องระหองระแหงกับเพื่อน เป็นเรื่องน่าเห็นใจ แต่เพื่อนกับเพื่อน ๆ กำลังร่วมกันทำงานใหญ่ คือ การตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย ตามที่ประชาชนมอบหมายมา ถ้าตั้งไม่สำเร็จ ก็จะเป็นประโยชน์กับการสืบทอดอำนาจเผด็จการ เพื่อนทำให้ไม่พอใจบ้าง ก็ต้องอดทน ถ้าความอดทนมีขีดจำกัด ก็ต้องขยายขีดความจำกัดให้ได้"

อีกท่านที่แสดงความเห็น นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาลก้าวไกล ออกมาโพสต์ว่า

"ว่าด้วยตำแหน่งประธานสภา 1. คุยกันรู้เรื่อง ตกลงกันได้ในพรรคร่วม ลงมติเป็นเอกภาพ 313 เสียง ย่อมชนะ 187 เสียง

2. คุยกันแต่ตกลงไม่ได้ในพรรคร่วม ลงมติแบบพรรคใครพรรคมัน 187 เสียง จะกลายเป็นเสียงชี้ขาด เทไปทางพรรคไหน พรรคนั้นได้เป็นประธานสภา

3. เลิกเสียที เจรจาในที่ลับ ทะเลาะในที่แจ้ง

4. การเมือง คือ การประนีประนอม ไม่มีใครได้หมด แล้วบอกว่าอีกฝ่ายต้องเสียสละ"

เช่นเดียวกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ทวีตว่า "จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราขอเพียงให้ฝ่ายประชาธิปไตยทุกพรรค จับมือกันให้แน่นด้วยความจริงใจ เพื่อเอาชนะเผด็จการในครั้งนี้ให้สำเร็จก่อน #ประธานสภา"

สำหรับมุมมองด้านวิชาการ อาจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นผ่านสื่อมวลชนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ เมื่อเป็นรัฐบาลผสมที่จะต้องเจรจากัน แต่เตือนว่าอย่าให้แตกแยกกัน เพราะหากเป็นแบบนั้น ประชาชนน่าจะไม่พอใจ เสนอว่า 2 พรรคน่าจะเจรจาตกลงทำความเข้าใจกันให้ชัดเจน อาจมีการเซ็น MOU เฉพาะ ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน ถ้าเป็นรัฐบาลเป็นด้วยกัน เป็นฝ่ายค้านก็จะเป็นด้วยกัน เรื่องนี้ไม่มีทางออกอื่น นอกจากเพื่อไทย กับก้าวไกล ต้องคุยกัน แต่ถ้าหากคุยกันไม่ได้ เลือกคนจาก 2 พรรคไม่ได้ ก็เลือกพรรคอื่นที่อยู่ในขั้วเดียวกันไปเลย อาจเลือกอาจารย์วันนอร์ ก็ได้ เป็นทางเลือกที่จะทำให้รัฐบาลเดินหน้าได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง