'เพื่อไทย' เตือนอย่าใช้มวลชนกดดัน 'พิธา' ยันตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องคุยวงเจรจา

View icon 175
วันที่ 26 พ.ค. 2566 | 16.06 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ยืนยันความสำคัญตำแหน่งประธานสภาฯ ระบุควรทำงานร่วมกัน อย่างไว้เนื้อเชื่อใจ และไม่ควรเอามวลชนมากดดัน

เพื่อไทย เตือนอย่าใช้มวลชนกดดัน
อุณหภูมิทางการเมือง ยังคงร้อนระอุ โดยเฉพาะประเด็นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทางพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องให้บุคลากรของพรรตตัวเอง เข้าไปทำหน้าที่นั้น ล่าสุด เพจเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย มีแถลงการณ์ถึงตำแหน่ง "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" โดยระบุบางช่วงว่า สถานการณ์ปัจจุบันเป็นรัฐบาลผสม มีภารกิจสำคัญใน MOU ร่วมกัน ไม่ว่าประธานสภาฯ จะเป็นใคร มาจากพรรคใด ต้องทำภารกิจร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย

หากพิจารณาอย่างถ่องแท้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 116 และ 119 ประธานสภาฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เพราะเป็นประธานของ สส.ทั้งสภา และต้องเป็นผู้ผลักดันญัตติใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือประชาชน เข้าสู่สภา อย่างไม่เลือกปฏิบัติ

หากจะยกกรณีที่เพื่อไทย ชนะโหวตทั้งนายกฯ และประธานสภาฯ มาตลอด ไม่มีพรรคอันดับสองได้ เป็นเพราะเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเด็ดขาด ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฏร แต่กรณีนี้ เราชนะมาด้วยกัน ก็ควรทำงานร่วมกัน ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ในฐานะพรรรคร่วมรัฐบาล หลีกเลี่ยงที่จะใช้มวลชนกดดัน แต่ควรหาทางทำภารกิจ เพื่อประชาชนร่วมกันให้สำเร็จ

อดิศร จัดหนัก! แซะพรรคกินรวบ
ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์คลิปผ่านบัญชี TikTok โดยระบุตอนหนึ่งฝากไปถึงพรรคก้าวไกลว่า "กินรวบไม่กินแบ่ง แถมระแวงเพื่อนร่วมทาง ไม่นานคงอับปาง จอดข้างทางไร้คนเชียร์"

พิธา ยันตำแหน่ง "ประธานสภาฯ" ต้องคุยวงเจรจา
ทางฝั่งพรรคก้าวไกลกันบ้าง ล่าสุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า เรื่องประธานสภาฯ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมาก ถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรา ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกัน ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จ

ดังนั้นเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ขอให้ทางพรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยผ่านตัวแทนแต่ละพรรค ในวงเจรจาจะดีที่สุด

จากนั้น นายพิธา แถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า ตอนนี้ได้ทราบถึงความต้องการของแต่ละพรรคแล้ว จะนำเรื่องทั้งหมดไปพูดคุยกันผ่านทีมเจรจา ซึ่งการทำงานร่วมกันต้องเริ่มต้นจากความเชื่อใจกัน

รังสิมันต์ ยัน “ก้าวไกล” ไม่เอาเปรียบพรรคอื่น
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล มองว่า หากพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะทางพรรคมีหลายวาระที่ต้องการผลักดัน ซึ่งเป็นเรื่องทางสังคม เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การทำให้กฎหมายเปลี่ยนประเทศ สามารถดำเนินการได้ รวมถึงกลไกที่จะทำให้โครงสร้างของสภามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

ส่วนที่บอกว่า ประธานสภาฯ ต้องเป็นคนมีอายุ หรือเคยเป็น สส. หลายสมัยนั้น ตรงนี้เราไม่เห็นด้วย เพราะการทำงานให้มีคุณภาพต้องมีคนหลากหลายรุ่น ทำงานร่วมกันในองค์กร โดยขอยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ต้องการทำร้ายใคร หรือเอาเปรียบใคร เพราะถ้าสลับให้พรรคก้าวไกล ได้ สส. 141 คน แล้วพรรคเพื่อไทยได้ สส.151 คน ทางพรรคก้าวไกลจะยอมยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้อีกฝ่ายไปเลย

แนะพรรคเสียงข้างมาก รีบเจรจาตำแหน่งประธานสภาฯ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร แสดงความเห็นว่า อุปสรรคในเวลานี้ คือ พรรคเสียงข้างมากที่จะจัดตั้งเป็นรัฐบาล ต้องตกลงทำความเข้าใจว่าจะเสนอบุคคลใดเป็นประธานสภาฯ เพราะไม่เช่นนั้น จะมีความขัดแย้งตั้งแต่ตอนต้น เมื่อเข้าไปโหวตในสภาก็จะมีปัญหา และตามธรรมเนียม ส่วนใหญ่จะเป็นพรรคอันดับ 1 จะทำหน้าที่ประธานสภาฯ แต่อาจมีบางครั้งที่ประธานสภาฯ ไม่ได้มาจากพรรคอันดับ 1

ข่าวที่เกี่ยวข้อง