"ชูวิทย์" มองการเมืองพรรคพี่ริษยาพรรคน้อง หมดเรื่องประธานสภา รับประกันมีเรื่องอื่นอีก

"ชูวิทย์" มองการเมืองพรรคพี่ริษยาพรรคน้อง หมดเรื่องประธานสภา รับประกันมีเรื่องอื่นอีก

View icon 209
วันที่ 28 พ.ค. 2566 | 10.34 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
"ชูวิทย์" มองการเมืองยุคทองของพรรคน้อง “มีลุงไม่มีเรา” เอาแต้มไปเกินคาด พรรคพี่ “ริษยา” พรรคน้อง ปลาคนละน้ำ-เคมีคนละสูตร หมดเรื่องประธานสภา รับประกันมีเรื่องอื่นอีก

จัดตั้งรัฐบาล นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ วิเคราะห์การเมืองท่ามกลางกระแสชิงเก้าอี้ประธานสภาและความขัดแย้งในการจัดตั้งรัฐบาล โดยนายชูวิทย์ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ยุคทองของพรรคน้อง เมื่อคนเบื่อลุง คะแนนไม่ไปพรรคพี่ ก็มาพรรคน้อง สองพรรคคล้องแขนกันขึ้นแท่นรับเหรียญอันดับหนึ่ง อันดับสอง ชื่นชมบรรยากาศประชาธิปไตยเบ่งบาน พวกลุงๆ หายหน้าออกจากข่าวเป็นคนหายตัว

นายชูวิทย์ ระบุว่า รวม 2 พรรคพี่น้องเกินครึ่งสภา เจรจาพาทีต่อหน้าดูราบรื่น ภาพสวยงามร่วมพรรคอื่นประกอบฉากชูมือสมานฉันท์ แต่ความขื่นขม ตกอยู่กับพรรคพี่ที่ชื่อ “เพื่อไทย” บ้านใหญ่ล้ม หวังจะได้ถึง 310 กลับผิดคาด ลดลงมา “ช็อกคาตา” ไม่ถึงครึ่ง รูดมาเหลือแค่ 140 คะแนนกลับเทให้ “พรรคน้อง ก้าวไกล” ที่ทำอะไรดูถูกใจไปหมด ยิ่งจบชัด เชื่อใจได้ว่า “มีลุงไม่มีเรา” เอาแต้มไปเลยเกินกว่าใครคาดคิด ดีดไปถึง 150 ซุ้มเล็ก บ้านใหญ่ ม้วนเสื่อกลับบ้านเก่ากันเป็นทิวแถว

“ในใจน้องย่อมระริกระรี้”กับชัยชนะที่เกินเกมลงทุนน้อย แต่ได้กำไรมาก ในขณะเดียวกันพรรคพี่ย่อมรู้สึก “ริษยา” พรรคน้อง ของธรรมดากิเลสมารการเมือง พี่จะเดินหน้าก็ติดน้อง จะถอยหลังก็ติดน้องอีก ค้ำคอพี่เพราะสังคมเชียร์น้องอยู่ หากทิ้งไว้วันหน้าไม่มี “ลุง” ปล่อยให้เติบใหญ่น้องจะแซงพี่ ไม่มีทางเป็นพรรคอื่น ทางใดสกัดได้ต้องทำ เพราะน้องยังประสบการณ์น้อยในวงเจรจา คนโตไม่ทันพรรค”

นายชูวิทย์ มองว่า พรรคพี่คนแก่ล้นพรรค กลายเป็นเดินตามอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ ที่นับวันถอยหลังกระแสหมดก๊อก เที่ยวหน้าหากปล่อยให้น้องโต “หมดทักษิณ” จบอนาคตเพื่อไทย แต่น้องฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด รุ่นใหม่ค่อยๆ โตเข้ามาทดแทนรุ่นเก่าที่ล้มหายตายจากสาบสูญทางการเมือง ลูกหลานก็จมอยู่บนทรัพย์สมบัติอู้ฟู่ล้นเหลือของรุ่นพ่อแม่ ขณะที่พรรคน้องต้องดิ้นรนอวดผลงานเพื่อก้าวให้ไกลต่อไปบนถนนสายการเมือง พรรคพี่แสงตะวันกำลังดับลง พรรคน้องแสงอาทิตย์กำลังเพิ่งฉายแสงขึ้น วันนี้แค่ตั้งไข่ ฟอร์มทีมรัฐบาลไม่ถึงสัปดาห์ก็ตั้งท่ายุ่งเหยิงซัดกันนัว พี่น้องคนละท้อง โตแล้วมาเจอกันโดยบังเอิญ อุดมการณ์คนละหน่อ ระหว่างคนสังขารเริ่มร่วงโรยหมดยุค กับคนหนุ่มสาวไฟแรงทันยุคสมัย ถูกจับมาอยู่ชายคาบ้านหลังเดียวกัน

“หมดเรื่อง ประธานสภา รับประกันว่ามีเรื่องอื่นอีก เพราะเป็นปลาคนละน้ำ เคมีคนละสูตร จับเอามาผสมกันก็ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว เดี๋ยวได้เห็นอาการเค้าลางของ “ไฟ” ที่คนพี่กำลังมอด แต่คนน้องกำลังติด ป่านนี้บรรดาลุงๆ เขาสุมไฟรอวันกลับ กลิ่นความเจริญจางหาย กลายเป็นกลิ่นไหม้มาแทน” นายชูวิทย์ระบุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง