"เรืองไกร" เข้าพบ กกต. ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมปม "พิธา" ถือหุ้นสื่อ

"เรืองไกร" เข้าพบ กกต. ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมปม "พิธา" ถือหุ้นสื่อ

View icon 129
วันที่ 29 พ.ค. 2566 | 11.46 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“เรืองไกร” มาตามนัด เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติม ต่อ กกต. กรณียื่นตรวจสอบ "พิธา" ถือหุ้นสื่อ มั่นใจเอกสารมัดเอาผิด พร้อมเร่ง กกต. ให้พิจารณาโดยเร็วที่สุด

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการเลือกตั้ง ซึ่งมีผู้มาร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กรณีการถือครองหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี  จำนวน 42,000 หุ้น ว่าเป็นการกระทำผิดขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาโดยเร็วที่สุดก่อนรับรอง สส.

ตลอดทั้งวันนี้ (29 พ.ค.66) กกต.จะพิจารณา โดยเชิญผู้ร้องมาให้ถ้อยคำ ยืนยันคำร้อง และให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยช่วงเช้าเป็นนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 ส่วนในช่วงบ่าย เป็นนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มีรายงานว่า กกต.เชิญมาให้ถ้อยคำภายในสัปดาห์นี้

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

นายเรืองไกร เปิดเผยว่า วันนี้จะยื่นหลักฐานอ้างอิงจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2563 กรณีนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทั้งนี้ นายธัญญ์วาริน ได้ยื่นเอกสารรับสมัครเลือกตั้ง สส.ต่อ กกต. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งยื่นเอกสารวันเดียวกับนายพิธา โดยที่นายพิธา ถือหุ้นไอทีวี และคำวินิจฉัยปี 2564 ของ กกต. 4 เรื่อง ที่มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประกอบด้วย กรณีของผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคอนาคตใหม่ เพื่อเทียบเคียงให้ กกต.วินิจฉัยย้อนหลัง ว่านายพิธาจะพ้นสมาชิกภาพตั้งแต่ปี 2562 หรือไม่ และจะต้องดำเนินคดีอาญาตามแนวคำวินิจฉัย กกต. หรือไม่ด้วย

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ

นายเรืองไกร ย้ำว่า กรณีของนายพิธา แตกต่างจากกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้สิ้นสมาชิกภาพ เนื่องจากถือครองหุ้น มีผลเฉพาะตัวนายธนาธร ขณะที่กรณีของนายพิธา เนื่องจากได้เขียนข้อบังคับพรรคก้าวไกล กำหนดคุณสมบัติและข้อห้ามลักษณะเกี่ยวกับการถือหุ้นไว้ ดังนั้น หากนายพิธาซึ่งเป็นผู้เซ็นต์รับรองผู้รับสมัคร สส. 400 เขตเลือกตั้งของพรรค หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดสมาชิกภาพ ตั้งแต่วันยื่นสมัครรับเลือกตั้ง ก็จะมีผลว่านายพิธาไม่ใช่หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมทั้งไม่ใช่สมาชิกพรรค ที่มาเซ็นต์รับรองผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.ของพรรคก้าวไกล อีกด้วย

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่สำนักงาน กกต. เรียกผู้ร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ถือหุ้นในบริษัทไอทีวี เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจนถึงตอนนี้ กกต. ยังไม่ได้เรียกนายพิธา  เข้าให้ข้อมูล ชี้แจงข้อกล่าวหาแต่อย่างไร แต่ย้ำว่า พรรคก้าวไกลได้เตรียมข้อมูลชี้แจงเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีใครร้องเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มั่นใจไม่มีปัญหาและไม่ได้กังวลอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง