ตำรวจทางหลวงเร่งสอบส่วยสติกเกอร์ ส่วยคือปลายเหตุ ต้นเหตุจากบรรทุกน้ำหนักเกิน

ตำรวจทางหลวงเร่งสอบส่วยสติกเกอร์ ส่วยคือปลายเหตุ ต้นเหตุจากบรรทุกน้ำหนักเกิน

View icon 1.4K
วันที่ 29 พ.ค. 2566 | 12.18 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจทางหลวง ยอมรับ ส่วยเป็นปัญหาที่มีมานาน แต่เรื่องส่วย คือปลายเหตุ ปัญหาที่เป็นต้นเหตุก็คือรถบรรทุกหนักเกินกำหนด ส่วนส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ต้องตรวจสอบต่อว่าตำรวจเกี่ยวข้องหรือไม่

ส่วยทางหลวง สติกเกอร์ Easy Pass พิสดาร วันนี้ (29 พ.ค.66) พลตำรวจตรีเอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์แฉว่ามีสติกเกอร์ติดรถบรรทุก ที่เป็นสัญลักษณ์การจ่ายส่วย ให้ไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย กรณีบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด

พลตำรวจตรีเอกราช กล่าวว่า กรณีนี้ ล่าสุดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจทางหลวง ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ หากพบว่ามีผู้ประกอบการรายใดกระทำผิดกฏหมาย จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงหากมีเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากการดำเนินการทางกฏหมายแล้ว ก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยด้วยอย่างเคร่งครัด โดยยืนยันว่าจะทำอย่างจริงจัง ถอนรากถอนโคน

โดยเรื่องของสติกเกอร์หรือป้ายต่างๆ จากข้อมูลที่ได้มีการประสานกับสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย มาก่อนหน้านี้ ก็พบว่ามีภาคเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง ได้รวมกลุ่มกันจัดทำสติกเกอร์หรือป้ายต่างๆ แต่ที่ต้องมาตรวจสอบดูก็คือ เรื่องดังกล่าวมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ถ้าหากพบก็ต้องดำเนินการ ซึ่งก่อนหน้านี้ ยังไม่มีข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่กระทำความผิด แต่หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแสก็สามารถส่งเข้ามาให้ตรวจสอบได้ ยืนยันว่ากองบังคับการตำรวจทางหลวงจะทำอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัญหาเรื่องส่วย เป็นปัญหาที่มีมานาน แต่เรื่องส่วย คือปลายเหตุ ปัญหาที่เป็นต้นเหตุก็คือเรื่องรถบรรทุกหนักเกินกำหนด จึงมองว่าการแก้ไขจำเป็นต้องแก้ในภาพรวม โดยเฉพาะเรื่องการแก้กฎหมาย โดยในปัจจุบัน กฎหมายให้ดำเนินคดีกับผู้ขับขี่ ไม่ใช่ผู้ประกอบการรถบรรทุก ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการไม่ได้รับผลกระทบ จึงเกิดการกระทำความผิดซ้ำ ดังนั้น อาจต้องพิจารณาเรื่องการแก้ไขกฎหมาย เช่น หากจับรถบรรทุก 1 คัน พบว่าบรรทุกหนักเกิน 20% ก็ให้สั่งยึดรถของผู้ประกอบการรายดังกล่าวทุกคัน เชื่อว่าคงสามารถยึดรถบรรทุกได้หลายหมื่นคัน ก็อาจจะทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้ากระทำผิด และอาจต้องย้อนถามไปยังสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยด้วยว่า อะไรคือปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความเห็นแก่ตัวจนต้องบรรทุกหนักเกินกำหนด ก็ต้องไปแก้ไขในมิติอื่นๆ ด้วย

โดยในวันนี้ เวลา 13.00 น. ตนได้เรียกผู้กำกับการและสารวัตร ของสถานีตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ เข้ามาประชุมเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในการกำหนดทิศทางการทำงาน และยืนยันว่ากรณีดังกล่าว หากมึเจ้าหน้าที่คนใดกระทำความผิดก็ต้องรับผิดชอบผลการกระทำของตัวเอง จะมาอ้างว่าอาชีพตำรวจไม่พอกินไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็ให้ไปเลือกอาชีพอื่น ไม่ใช่มาใช้อาชีพตำรวจไปหากิน ตนขอให้ความมั่นใจในฐานะผู้นำของกองบังคับการตำรวจทางหลวงว่าจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด