ประเด็นเด็ด 7 สี - วิตกกันเลยทีเดียว หลังทราบข่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลอาจจะขยับสูงขึ้นถึงลิตรละ 5 บาท หรือ จากลิตรละ 32 บาทในวันนี้ เป็นลิตรละ 37 บาท แน่นอนว่าจะมีผลทั้งราคาขนส่ง ค่าโดยสาร และราคาสินค้า ไปติดตามโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล และทางออกในเรื่องนี้ ในประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันดีเซลขยับสูงขึ้น ด้วยการประกาศลดภาษี และดำเนินการมา ตั้งแต่ปีตั้นปีที่ 2565 ปรับลดภาษีมาแล้ว 7 ครั้ง ล่าสุด กระทรวงการคลัง ตัดสินใจไม่ต่ออายุมาตรการนี้ แน่นอนว่าจะกระทบทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ขยับสูงขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากนี้ ก็ต้องรอลุ้นกันว่า การขยับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งมาจากผลของการยุติมาตรการลดภาษี หรือ เลิกลดการจัดเก็บภาษี จะค่อย ๆ ขยับ หรือ ขยับรวดเดียวลิตรละ 5 บาท คาดว่า คงต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามากำหนดแนวทางดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลว่าจะใช้วิธีไหน แต่ทว่า การจัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้เป็นรูปเป็นร่าง ขณะที่มาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลจะสิ้นสุดในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ และหากพิจารณาจากไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็น่าจะเริ่มลงตัวในเดือนสิงหาคม แล้วจะทำอย่างไรกันต่อ การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลจะเป็นไปในทิศทางใด
คราวนี้พาคุณผู้ชมมาดูว่า ที่ผ่านมารัฐบาลดูแลราคาน้ำมันดีเซลด้วยการปรับลดภาษีมาแล้วถึง 7 ครั้งตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 ครั้งแรกลดภาษีไปลิตรละ 3 บาท ซึ่งรัฐบาลสูญรายได้ในส่วนนี้ไป 18,000 ล้านบาท จากนั้นก็มีการประกาศเพิ่ม การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากลิตรละ 3 บาท เป็น 5 บาท ทยอยประกาศต่ออายุมาตรการมาเรื่อย ๆ กระทั่งรอบนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ รวมแล้วรัฐบาลสูญเสียรายได้ไปกว่า 158,000 ล้านบาท
หลังจากนี้ กระทรวงการคลัง คงต้องหารือร่วมกับกระทรวงพลังงาน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการหาทางออก เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาน้ำมัน เพราะทุก ๆ การขยับราคา แน่นอนว่ามันสะท้อนไปถึงต้นทุนค่าขนส่ง และต้นทุนการผลิตสินค้า ทำให้คำตอบสุดท้ายคือ ราคาสินค้าอาจจะขยับสูงขึ้นต้อนรับรัฐบาลใหม่ และหากจะถามถึงแนวทางบรรเทาผลกระทบ ณ เวลานี้ ยังพอมีตัวช่วย กระทรวงพลังงาน อาจจะนำเงินสมทบจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้ามาดูแลเสถียรภาพราคา เพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซล ที่ถือเป็นน้ำมันเศรษฐกิจ คงราคาขายปลีกเดิมต่อไปได้
เมื่อสิ้นสุดมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล ถึงเวลานั้น ก็ต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญแบบรอบด้าน ทั้งสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาน้ำมันในตลาดโลก ตรงนี้ หากลดลง ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า ราคาขายปลีกอาจจะต่ำกว่าลิตรละ 37 บาท
