เช็กด่วน! โอนในแอป 5 หมื่นบาทขึ้นไป - รวม 2 แสนต่อวัน รีบสแกนใบหน้า ก่อนถูกจำกัดวงเงิน

เช็กด่วน! โอนในแอป 5 หมื่นบาทขึ้นไป - รวม 2 แสนต่อวัน รีบสแกนใบหน้า ก่อนถูกจำกัดวงเงิน

View icon 7.5K
วันที่ 31 พ.ค. 2566 | 14.10 น.
เกาะกระแสออนไลน์
แชร์
ธปท. ประสานธนาคารรัฐ-เอกชนดึงผู้ใช้ Mobile Banking ที่โอนเงินตั้งแต่ 5 หมื่นบาทต่อครั้ง 2 แสนบาทต่อวัน ติดต่อสาขาธนาคารเพื่อสแกนใบหน้าเป็นฐานข้อมูลช่วยตัดวงจรภัยออนไลน์ แนะช่องทางตรวจการยืนยันตัวตน ผ่านแอปพลิเคชัน 7 แบงก์พร้อมบริการแล้ว

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างผลักดันมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือภัยออนไลน์ ซึ่งในส่วนของภาคการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประสานสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์เอกชน เพื่อยกระดับมาตรการเพื่อความปลอดภัย โดยมีหลายมาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การยกเลิกการแนบลิงค์เพื่อส่งข้อความสั้น (SMS) หรืออีเมลไปยังลูกค้า

สำหรับอีกมาตรการที่จะเข้ามาช่วยให้ตัดวงจรภัยออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขณะนี้ธนาคารต่างๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ คือ การปรับปรุงระบบความปลอดภัยในบริการผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือ Mobile Banking ซึ่งตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. เป็นต้นมาธนาคารแต่ละแห่งได้ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่ใช้บริการ Mobile Banking ที่จะมีการโอนเงินต่อครั้งตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป, โอนยอดรวมต่อวันตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป  และกรณีการเปลี่ยนวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันเป็นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะต้องไปทำการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ที่สาขาธนาคาร หรือที่ตู้เอทีเอ็มตามที่ธนาคารกำหนด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการ Mobile Banking ไม่ต้องดำเนินการยืนยันตัวตนดังกล่าว  และยังสามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางอื่นๆ ได้ตามปกติ เช่นการโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม สาขาธนาคาร หรือ Internet Banking โดยไม่ถูกจำกัดวงเงินตามจำนวนข้างต้น

ทั้งนี้ ธนาคารแต่ละแห่งจะให้ผู้ใช้บริการ Mobile Banking ดำเนินการยืนยันตัวตนไปตลอดเดือนมิ.ย. ก่อนที่จะเริ่มมาตรการจำกัดวงเงินผู้ไม่ดำเนินการยืนยันตัวตน ตั้งแต่ ก.ค. 66 เป็นต้นไป(บางแห่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.) ซึ่งหลังจากนี้ผู้ยังไม่ยืนยันตัวตน ก็จะยังทำธุรกรรมผ่านแอปพลิชันได้ เพียงแต่การโอนเงินต่อครั้งจะไม่สามารถโอนตั้งแต่ 50,000 บาทได้  หรือโอนรวมต่อวันได้ไม่เกิน 200,000 บาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากการติดต่อสอบถามที่สาขาธนาคารแล้ว  ธปท. ได้แนะนำช่องทางที่ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบได้เองว่าตนเองเคยสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนแล้วหรือไม่ ด้วยแอปพลิเคชันธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค. 66 มีธนาคาร 7 แห่ง ที่ให้บริการตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันได้แล้ว ได้แก่

-ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
-กสิกรไทย
-เกียรตินาคินภัทร
-ทหารไทยธนชาต
-ไทยพาณิชย์
-ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
-ออมสิน

ส่วนอีก 5 แห่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ตรวจสอบได้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย ซีไอเอ็มบีไทย ทิสโก้ และ แลนด์แอนด์เฮาส์ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะมีการประกาศให้ทราบต่อไป

สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบ ให้เข้าไปที่แอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นเลือกเมนู อื่นๆ เลือก การตั้งค่า หรือตั้งค่าบัญชี และเลือก “จัดการบริการ NDID” หากเป็นผู้เคยยืนยันตัวตนแล้ว แอปพลิเคชันจะแจ้งว่า “ยืนยันตัวตนเรียบร้อย” แต่หายังไม่เคยดำเนินการจะแจ้งว่า “ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน, ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยการบันทึกใบหน้า หรือไม่พบข้อมูล” ซึ่งผลดังนี้ ผู้ใช้บริการต้องไปสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตามช่องทางที่ธนาคารกำหนดต่อไป