"จตุพร"วิเคราะห์บทหวาน “ชลน่าน-พิธา” ตีเนียนกลบความจริงตั้งรัฐบาลไม่ได้

"จตุพร"วิเคราะห์บทหวาน “ชลน่าน-พิธา” ตีเนียนกลบความจริงตั้งรัฐบาลไม่ได้

View icon 978
วันที่ 1 มิ.ย. 2566 | 10.57 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“จตุพร” วิเคราะห์บทหวาน “ชลน่าน-พิธา” โอบกอด ส่งมินิฮาร์ท แค่ตีเนียนกลบความจริง 8 พรรคจับมือกันไม่เหนียวแน่น 312 เสียง ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ประเมินเพื่อไทยสลัดขั้ว หนุน “บิ๊กป้อม” เป็นนายกฯ ก้าวข้ามความขัดแย้ง

จัดตั้งรัฐบาล นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์วิเคราะห์การประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล โดยข้อความตอนหนึ่งระบุว่า เชื่อว่าการโอบกอด บอกรหัสพลัดพราก นายจตุพร กล่าวว่า การประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 พ.ค.66 สิ่งน่าสังเกตคือ คนสำคัญระดับนำทางการเมืองไม่มาร่วมประชุม โดยอาจจะรู้ว่ารวมเสียง 312 ยากที่จะไปถึง 376 เสียงเพื่อหนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เป็นนายกฯ และไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และยังมีขบวนการยาหอมจากนักวิชาการและนักการเมือง พยายามออกข่าวว่า มีการจัดชุดไปเจรจาขอความสนับสนุนกับ สว. ซึ่งนายจตุพร มั่นใจว่าไม่น่าจะได้รับความสนับสนุนเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นผู้สั่งการ สว. ได้เพียงคนเดียวอย่างชัดเจน ดังนั้น เสียง สว. 64 เสียงจึงไม่มีอยู่จริง

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายทักษิณ ชินวัตร มาปักหลักที่ประเทศสิงคโปร์นั้น แสดงถึงการตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะถ้าต้องการให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับนายพิธาจริง ก็ไม่ควรบากหน้ามาบัญชาการถึงสิงคโปร์ ดังนั้น คำพูดหวานของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในวงประชุม ที่ระบุว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไร เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป" ย่อมรับรู้สถานการณ์ต้องเปลี่ยนไปในวันข้างหน้า แต่วันนี้ 312 เสียงจำต้องตีเนียนกันไว้ก่อน

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า การตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล 7 คณะนั้น เพื่อไทยส่งนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคไปร่วม สะท้อนเจตนาไม่ให้ความสำคัญ หากจริงใจแล้วต้องส่งระดับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พรรคเพื่อไทย ไปร่วมก็จะได้ความน่าเชื่อถือและความจริงใจ การเมืองแค่การวางคนไปร่วมเป็นทีมงานนั้นก็เป็นคำตอบของความจริงใจแล้ว เมื่อนายพิธา เป็นประธานคณะการการฯ แล้ว เพื่อไทยต้องส่งคนที่เทียบเคียง คู่ควรไปร่วมด้วย แล้วเผ่าภูมิ เป็นใคร เพียงแค่นี้ก็แสดงถึงมีความจริงใจกันหรือไม่แล้ว

นายจตุพร ย้ำว่า การตั้งรัฐบาลสูตร 312 เสียงจาก 8 พรรคการเมืองไปไม่ได้แล้ว พรรคเพื่อไทยจึงคิดเปลี่ยนสูตรรัฐบาลกันใหม่ ด้วยเหตุนี้ ระดับคนสำคัญของแต่ละพรรคจึงไม่มาร่วมประชุมด้วย เพื่อไม่ให้เปลืองตัว ดังนั้น สภาพนายพิธากับ นพ.ชลน่าน โอบกอด รักไม่ทอดทิ้งกันแล้ว แต่ทั้งสองคนจะถูกสลัดออกไปทั้งคู่

“ทั้งนายพิธา และ นพ.ชลน่าน ล้วนมีเส้นทางการเมืองที่น่าเห็นใจมากที่สุด โดยนายพิธา มีเส้นทางการเมืองที่ยากคือ ไม่ได้เสียง 376 จากที่ประชุมรัฐสภาเพื่อผ่านไปเป็นนายกฯ เส้นทางนี้ของพรรคก้าวไกลไปไม่ถึงฝัน และนายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ 100 % อีกทั้งกรณีหุ้นไอทีวี ไม่ว่าจะเอาคำวินิจของศาล รธน.ใดก็ตามมาเทียบเคียง เพียงแค่ถือหุ้นก็ผิดแล้ว แต่การที่ไอทีวีจะออกอากาศหรือไม่คงไม่ใช่ประเด็น ดังนั้นนายพิธา รอดยากมาก แต่ถึงที่สุดแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงต้องรับรองสถานภาพ สส.ไปก่อน แล้วสอยที่หลัง ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่เคยทำกันมา” นายจตุพร ระบุ

สำหรับหมอชลน่าน นายจตุพร ระบุว่า นพ.ชลน่านพูดไว้ชัดระหว่างหาเสียงว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่ถึงขณะนี้ สถานการณ์การเมืองบ่งชี้ว่า เสียง 312 จับมือกันไม่แน่น มีบางพรรครอเวลาแยกวงข้ามฟากไปร่วมมือกับขั้วฝ่าย 188 เสียง และเมื่อเรื่องนายพิธายังไม่เสร็จสิ้น ถ้ายังมั่นคงเสียง 312 จับมือกันแน่นแล้ว ก็ไม่มีเหตุใดที่พรรคเพื่อไทยต้องรีบไปเอาตำแหน่งประธานสภามาไว้ที่พรรคตัวเอง แต่การเร่งชิงประธานสภานั้น ย่อมอธิบายถึงการข้ามห้วยทางการเมืองนั่นเอง

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยข้ามไปจับมือกับ 188 เสียงแล้ว แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย อย่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน คงไม่มาเป็นนายกฯ จึงมีคนเดียวคือคนก้าวข้ามความขัดแย้งชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มานั่งนายกฯ หากเกิดความวุ่นวาย พล.อ.ประยุทธ์ ก็นั่งรออยู่อย่างนิ่งๆ

“ตำแหน่งประธานสภา ที่พรรคก้าวไกลยังไม่คุยกับพรรคเพื่อไทยนั้น คงรอให้พรรคเพื่อไทยทนไม่ได้ ดังนั้น ก้าวไกลจึงต้องปล่อยให้เพื่อไทยแสดงบทตัวร้ายออกมาให้เต็มที่และชัดเจน ด้วยการข้ามไปจับมืออีกฝ่าย 188 เสียง ถึงที่สุด ก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน ย่อมมีความสุขที่สุด เพื่อรอวันช้างหน้าจะกลับมาด้วยเสียงแลนด์สไลด์ ส่วนเพื่อไทยก็จะเดินไปตามเสียงสาปแช่งของหมอชลน่านว่า เป็นพรรคต่ำสิบ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง