วันนี้ (1 มิ.ย.66) ศาลอาญา นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ คดีที่นางแอม ผู้ต้องหาวางยามาตรกรรมเหยื่อหลายราย ฟ้องนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา
โดย น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความโจทก์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ เดินทางมาเป็นพยานเบิกความต่อศาล ขณะที่นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของนายรพี ฝ่ายจำเลย ที่ถูกฟ้องก็เดินทางมาเพื่อซักค้าน โดยมีนายรพี ตัวแทนมูลนิธิวินวิน ญาติของผู้เสียหายบางส่วนเดินทางมาศาล เพื่อร่วมฟังกระบวนพิจารณาด้วย ส่วนนางแอม ในฐานะโจทก์ ไม่ได้มีการเบิกตัวมาจากทัณฑสถานหญิงกลาง
การไต่สวนมูลฟ้องวันนี้เริ่มเวลา 17.00 น. โดย น.ส.ธันย์นิชา ได้เบิกความเกี่ยวกับพฤติการณ์ตามฟ้อง ขณะที่นายเดชา ทนายจำเลยก็พยายามซักค้านในประเด็นต่างๆ ซึ่งน.ส.ธันย์นิชาได้เบิกความและตอบคำถามค้านของทนายจำเลยจนเสร็จสิ้น ก่อนแถลงต่อศาลขอให้เบิกตัว นางแอม และแม่ของนางแอม โดยศาลพิจารณาแล้ว ให้นัดไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้ง เนื่องโจทก์ประสงค์เบิกความเพิ่มเติมอีก 2 ปาก วันที่ 24 ก.ค.66 เวลา 13.30 น.
ภายหลังไต่สวนมูลฟ้องแล้ว น.ส.ธันย์นิชา ทนายความโจทก์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเป็นพยานเข้าเบิกความเพียง 1 ปาก ซึ่งศาลนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 24 ก.ค.นี้ โดยศาลอนุญาตให้เบิกตัวนางแอม โจทก์มาเบิกความ นอกจากนี้ยังมีพยานอื่นอีก 1 ปากด้วย ยืนยันว่าการยื่นฟ้องหมิ่นประมาทเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ส่วนที่นายเดชา ทนายความจำเลย ให้สัมภาษณ์ว่าหากคดียกฟ้อง จะฟ้องกลับนั้น ก็ไม่ได้กังวล เพราะหากศาลเห็นว่าเป็นการใช้สิทธิฟ้องคดีโดยชอบ ก็อาจจะดำเนินการฐานกลั่นแกล้งได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนเองกับนายเดชาก็เจอหน้าและพูดคุยกันแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ในฐานะทนายความ
ด้าน นายรพี กล่าวก่อนขึ้นฟังการพิจารณาคดีว่า มูลเหตุการณ์ฟ้องร้องมาจากการที่ไปออกรายการทีวี เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองเสียใจ เพราะตนตามคดีนี้จนตำรวจออกหมายจับนางแอมหลายคดี และการพูดในรายการทีวีก็เป็นการพูดตามข้อเท็จจริง แต่ตนมาถูกฟ้องเป็นจำเลย ซึ่งนางแอมอ้างว่าจะฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ ญาติผู้เสียชีวิต และสื่อมวลชนด้วย จึงมองว่าเป็นการฟ้องเพื่อปิดปาก ไม่ให้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง ทั้งที่การทำหน้าที่และออกมาเปิดเผยข้อมูลต่างๆ นั้นเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และก่อนหน้านี้ตนเองเคยบอกนางแอมว่า ให้ยอมรับความจริง จะได้ไม่มีความผิดมากไปกว่านี้
ขณะที่นายเดชา ทนายความ กล่าวว่า วันนี้เตรียมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการไต่สวน เป็นบันทึกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหมายจับนางแอม จำนวน 15 คดี รวมทั้งคลิปวิดีไอมายื่นเป็นหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่านายรพีพูดตามข้อเท็จจริง ไม่ได้พูดหมิ่นประมาท เพราะเป็นการพูดไปตามที่ตำรวจกองปราบปรามและตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พูดไว้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพิจารณาจากข้อความดังกล่าวแล้ว ไม่น่าจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดังกล่าวหากศาลยกฟ้อง ก็อาจจะดำเนินการฟ้องกลับข้อหาฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดรวมกัน 12 ปี
