ยันเก้าอี้ ประธานสภาฯ รอ ก้าวไกล - เพื่อไทย เคาะ

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุวันพรุ่งนี้เตรียมประชุม 7 คณะทำงานร่วม เพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่มีเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร

ยันเก้าอี้ ประธานสภาฯ รอ ก้าวไกล - เพื่อไทย เคาะ
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค และแกนนำคณะก้าวหน้า นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดย นายชัยธวัช ระบุว่า เป็นการประชุมรายสัปดาห์ตามปกติเท่านั้น ส่วนวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.) จะเป็นการประชุมคณะทำงาน 7 ด้าน ว่าแต่ละเรื่องมีความคืบหน้าอะไรบ้าง  

ส่วนวันพรุ่งนี้ จะมีการหยิบยกประเด็นผู้ที่จะมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และการวางตัวรัฐมนตรีในกระทรวงต่าง ๆ หรือไม่นั้น นายชัยธวัช ยืนยันว่า จะยังไม่มีการหารือถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเพราะเป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่จะต้องหารือกันเอง

ขณะที่ประเด็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้องของว่าที่ สส.20 เขต ว่า หากใน 20 เขตนี้ เป็น สส.ฝั่งของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล อาจส่งผลกระทบต่อการโหวตเลือก นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นต้องเตรียมหาทางออกไว้ อย่างการพูดคุยเป็นรายบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะ สว. ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจไปในทิศทางใด แต่ส่วนตัวเชื่อว่า หากจำนวน สส.ของพรรคก้าวไกลลดลง ก็คงไม่ถึงขั้นส่งผลให้พรรคกลายเป็นอันดับ 2

แจงผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ไม่เกี่ยว ทักษิณ
กรณี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยืนยันว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทย ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของนายทักษิณว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่ถ้าจะกลับมาก็มีกระบวนการทางกฎหมายรองรับอยู่แล้ว โดยเรื่องของนายทักษิณ ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายนิรโทษกรรมที่พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอเข้าสภา ซึ่งเป็นคดีทางการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่คดีทุจริตฯ

ชงส่งศาล รธน. วินิจฉัยปม พิธา ถือหุ้นสื่อ
นายสมชาย แสวงการ สว.โพสต์กรณีถือครอบครองหุ้นสื่อของ นายพิธา ว่า ปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้น itv ข้อที่ 4 ถ้าถือหุ้นสื่อ itv เป็นความผิดจะถูกตัดสิทธิ์ สส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ เรื่องนี้มีรัฐธรรมนูญ 4 มาตราที่เกี่ยวข้อง คือ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การถือหุ้น itv 42,000 หุ้นนั้น ผิดและเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สส.นั้น นายพิธา จะขาดคุณสมบัติทั้ง สส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

แม้ว่า อาจจะขาย หรือ โอนหุ้นออกวันใด ย่อมไม่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อการพิจารณาคดีแล้ว เพราะการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 นั้น ดำเนินการก่อนปิดรับสมัคร สส. มาตรา 89 (2) ผู้ได้รับการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต้องมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 160 โดยมาตรา 160 (6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ซึ่งมาตรา 98 (3) ห้ามผู้สมัคร สส.เป็นเจ้าของ หรือ ผู้ถือหุ้น ในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือ สื่อมวลชนใด ๆ

ดังนั้น ถ้าตีความตามนี้ ก็น่าจะถือว่าขาดคุณสมบัติตั้งแต่วันปิดรับสมัครตามมาตรา 88 ในวันที่ 4-7 เมษายน 2566 แล้ว แต่หนทางที่ถูกต้องชอบธรรมที่สุด คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหน้าที่สรุปส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติ